หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา / ประธานพิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บอกเล่าย้อนถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่เสด็จสวรรคตไปเมื่อ 5 ปีก่อน ด้วยน้ำเสียงและแววตาแสดงถึงความอาลัยรักต่อองค์ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดย หม่อมหลวงปนัดดา เป็นอีกหนึ่งข้าราชการที่ได้ใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มานานหลาย 10 ปี
หม่อมหลวงปนัดดา เล่าย้อนเรื่องราวในอดีต ที่สร้างความทรงจำที่ประทับใจไม่มีวันลืมเลือน ว่า ปีนี้ถือเป็นปีสิริมงคลปีที่ 50 ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระดำเนินเยี่ยมวังวรดิศ เพราะคุณพ่อ (ม.ร.ว.สังขดิศ ดิศกุล) ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นราชองครักษ์ เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณถวายทั้งในหน้าที่ราชการในประเทศ และราชการต่างประเทศ ซึ่งตน ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ได้เข้าชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ตั้งแต่เด็ก เป็นความรู้สึกดีใจมากที่สุดในชีวิต ตนยังคงจดจำได้ถึงความอ่อนน้อมถ่อมพระองค์ ความมีพระราชอัธยาศัย ไมตรีกับผู้คนโดยรอบ ทักทายแม้แต่ตำแหน่งชั้นผู้น้อย ที่ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต นั่นทำให้พระองค์เป็นต้นแบบ หรือแบบอย่างที่ยั้งยืนให้กับคนไทย ถึงแม้จะเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว ที่ท่านได้เสด็จจากไป แต่ตนมีความรู้สึกว่า ไม่มีสักวันที่เราไม่คิดถึงท่าน เรายังคงรำลึกถึงท่าน คิดถึงแบบอย่างของการทำความดี คิดถึงแบบอย่างของความรักชาติบ้านเมือง รักครอบครัว มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ให้เกิดความเรียบร้อย นั่นทำให้พรองค์ยังอยู่ในดวงใจของคนไทยตราบนิรันด์กาล
หม่อมหลวงปนัดดา เล่าต่ออีกว่า พระองค์ท่านทรงเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง โดยเมื่อครั้งเข้ารับราชการใหม่ๆ จำได้ว่าผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นอบรมบ่มสอนข้าราชการใหม่ทุกคนว่า จงมีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นข้าราชการในพระยาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นเราต้องปฏิบัติตนให้เกิดความดีงาม นั่นคือการประพฤติดี ประพฤติชอบ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้งของการทำงานในทุกเรื่องเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ครบถ้วนแก่องค์กร แก่ส่วนรวมและแก่ประชาชนชาวไทยทุกคนเพราะอาชีพข้าราชการคืออาชีพที่ลงลึกที่สุดไปถึงประชาชน
หม่อมหลวงปนัดดา บอกต่ออีกว่า วันนี้ ประเทศเรากำลังขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งสิ่งนี้จะเชื่อมโยงไปถึงการดำเนินชีวิตของผู้คนในประเทศ ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ซึ่งเราจะต้องช่วยกันคิดว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เกิดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ดังนั้นเรื่องของความพอเพียง ซื่อตรง โปร่งใส ตรวจสอบได้ เรื่องของความไม่โลภโมโทสัน การไม่วางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่อะไร สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องอยู่ในจิตใต้สำนึกตลอดเวลาว่า หน้าที่ การงาน และความรับผิดชอบมีไว้ เพื่อให้เกิดการทำงาน ที่เรียกว่าระเบียบแบบแผน ให้เกิดความชอบธรรม เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่จะกลับกลายให้เกิดเป็นประโยชน์สุดต่อประชาชนและประเทศชาติ
มีบางคนเข้าใจผิดไปหลงใช้อำนาจนำหน้าความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ถูกต้องคือการใช้อำนาจและความรับผิดชอบต้องเดินไปควบคู่กัน ซึ่งอันที่จริงแล้วความรับผิดชอบต้องเป็นตัวหลัก ส่วนอำนาจเป็นเพียงตัวเติมให้เต็มความสมบูรณ์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ตนเองมองว่าหลายคนใช้อำนวจมากกว่าความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งนี้ยังไม่สายเกิดไปที่จะนำมาคิดทบทวนว่าอะไรคือปัญหา และควรแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์