นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ประเด็นสำคัญตอนหนึ่งระบุว่า สมมติสงฆ์ ก็ยังไม่ใช่พระสงฆ์ ที่เป็นหนึ่งในความหมายของพระรัตนตรัยโดยตรงโดยแท้ มีแต่อริยสงฆ์ผู้พ้นจากความวุ่นวายทางโลก ผู้สงบ ผู้ระงับจากบาป แล้วเท่านั้นถึงจะถือว่า เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาผมจะกราบพระสามครั้ง ครั้งสุดท้ายที่กราบพระสงฆ์นั้น ผมจะกล่าวคำว่า อริยสงฆ์ทุกครั้ง นั่นหมายความว่าผมกราบเฉพาะอริยสงฆ์ที่เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย ไม่ใช่กราบรวมไปถึงลูกชาวบ้านที่ยังไม่พิสูจน์ตัวเองว่าเป็น ผู้เจริญ, ผู้สงบ, ผู้ระงับจากบาป ตัวจริง
พระพุทธเจ้าทรงฝากธรรมของพระองค์เอาไว้กับพุทธบริษัท 4 ให้ดำรงธรรมะของพระองค์เอาไว้จนสิ้นพุทธกาล นั่นคือ อุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องช่วยกันทำให้ศาสนาดำรงอยู่ได้ ถึงแม้สมมติสงฆ์จะไม่ใช่หนึ่งในพระรัตนตรัยโดยแท้จริงก็ตาม แต่สมมติสงฆ์นั้นต้องเป็นผู้นำทางจริยธรรมให้แก่สังคม มีสัมมาทิฏฐิ มีความประพฤติชอบ ดำริชอบ เดินนำอุบาสก อุบาสิกา ให้พ้นจากเส้นทางอบาย หรือทางที่ปราศจากความเจริญ เส้นทางสู่ความฉิบหาย ไม่ใช่มาเล่นตลกออนไลน์ หรือมาร้องไห้อ้อนญาติโยมเวลาตัวเองเดือดร้อนจากการทำเรื่องสิ้นคิด สำหรับผู้ที่เป็นสมมติสงฆ์ที่ปราศจากคุณสมบัติเหล่านี้ ให้ถือว่าเป็นเพียงแต่ “อัญญเดียรถีย์” ที่แอบมาสวมจีวรพระสงฆ์เพื่อเลี้ยงชีพตนเองเท่านั้น