รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เวลาประกาศ lock down พวกคุณก็โจมตีว่า คิดง่ายๆแค่ด้านเดียว คำนึงแต่ด้านสุขภาพ ไม่รู้จักห่วงเศรษฐกิจ ไม่รู้จัก balance ระหว่างเศรษฐกิจกับสุขภาพเอาเสียเลย
พอมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น พวกคุณก็โจมตีว่า เป็นรัฐบาลฆาตกร ทั้งที่จำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตทั้งหมดต่อประชากรล้านคน ประเทศเราถือว่าทำได้ดีเป็นอันดับต้นๆของโลก อีกทั้งรู้บ้างหรือเปล่าว่าหากไม่ lock down สถานการณ์จะย่ำแย่กว่านี้
ตอนนี้ รัฐบาลประกาศว่าจะเปิดประเทศแบบมีเงื่อนไข คือเปิดให้เฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีเงื่อนไขว่าต้องฉีดวัคซีนครบ dose แล้ว ให้เข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีผลตรวจโควิดมาแสดง พวกคุณก็บอกว่า จะเปิดประเทศน่ะ พร้อมแล้วหรือ บ้างก็กระแนะกระแหนแบบไม่ดูตาม้าตาเรือว่า เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโรงเรียน หรือกำหนดวันให้ขายเหล้าแต่ไม่กำหนดวันเปิดโรงเรียน ทั้งที่เขาประกาศกำหนดวันเปิดโรงเรียนมานานแล้วคือวันที่ 1 พฤศจิกายน เห็นว่าบางโรงเรียนจะเปิดก่อนนั้นด้วยซ้ำ
การตัดสินใจเปิดประเทศ ต้องเปิดประเทศแบบมีเงื่อนไขอย่างที่รัฐบาลทำ ไม่ใช่เปิดอย่างเสรีไม่มีอะไรควบคุม จะตัดสินใจเปิดประเทศหรือไม่ ต้องพิจารณาสิ่งที่เรียกว่า tradeoff หรือ ภาวะได้อย่างเสียอย่าง หากเปิดประเทศจะมีความเสี่ยงต่อการมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม เสียชีวิตเพิ่ม หากไม่เปิดประเทศในขณะที่ประเทศอื่นๆเขาเริ่มเปิดกันแล้ว ในช่วงเดือนที่เป็นเงินเป็นทอง แม้ความเสี่ยงต่อการมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจะมีน้อยกว่า แต่ความเสี่ยงต่อการที่เศรษฐกิจจะพังพินาศจะมีมาก ดังนั้นรัฐบาลคงได้ประเมินความเสี่ยงแล้วว่า หากเปิดประเทศจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากขึ้นมากที่สุดสักเท่าใด โดยคำนึงถึงสัดส่วนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และหากมีผู้ติดเชื้อมากเท่านั้น ระบบสาธารณสุขของเราจะรองรับได้หรือไม่ หากไม่เปิด ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะมากเท่าใด
นั่นคือการบริหารความเสี่ยง ซึ่งคาดว่ารัฐบาลคงได้ทำเป็นอย่างดีแล้ว เพราะหากรอให้พร้อม 100% หรือให้ผู้ติดเชื้อเป็น 0 เราจะเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมาก และคราวนี้อาจมีคนอดตายจริงๆอย่างที่พยายามปั่นกระแสกันก็ได้ เชื่อว่า รัฐบาลตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้องแล้วครับ
อดีตรองอธิการฯมธ. เผยเหตุผลทำไมรัฐบาลต้องเปิดประเทศ
ข่าวที่น่าสนใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-