มทภ.4 สั่งเข้มชายแดนไทย-มาเลย์ สกัดโควิดสายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้

 แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเข้ม ลาดตระเวนแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เฝ้าระวังผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ ที่อาจมาพร้อมเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้ที่กำลังระบาดในมาเลเซีย และพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอยู่ในขณะนี้

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ใช้กำลังที่มีอยู่เฝ้าตรวจตลอดตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้อนุมัติกำลังทหารเพิ่มเติม เพื่อลาดตระเวนแนวเฝ้าตรวจชายแดน และมีการปรับแผนมาตรการป้องกันแนวชายแดนเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ที่อาจมาพร้อมเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้ที่กำลังแพร่ระบาดในมาเลเซียและพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยให้เข้มงวดมาตรการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่องจริงจัง พร้อมประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตลอดจนประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนให้ตระหนักรู้ พร้อมเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังบุคคลที่แอบลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองร่วมกับเจ้าหน้าที่ โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และยังไม่พบมีการนำเชื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค

พลโทเกรียงไกร กล่าวต่อว่า สำหรับข้อกังวลในช่วงฮารีรายอของพี่น้องมุสลิมที่มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีผู้ลักลอบกลับมาจำนวนมากนั้น ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับไว้หมดแล้ว แต่ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2564 เป็นต้นมา หลังจากที่รัฐบาลมาเลเซียได้ผลักดันให้แรงงานต่างชาติกลับประเทศนั้นพบว่า มีคนไทยเดินทางกลับเข้ามาค่อนข้างน้อยมากประมาณ 400 คนเท่านั้น อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีการทยอยเดินทางกลับสู่ประเทศมาก่อนแล้วตั้งแต่มาเลเซียมีการปิดประเทศเมื่อปลายปี 2563 โดยยอดรวมคนไทยที่เข้ากลับมาทั้งถูกต้องและลักลอบมีประมาณ 3 หมื่นกว่าคน แต่หากมีการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติในช่วงดังกล่าวแล้วหลุดจากชายแดนไปก็จะมีอสม. ผู้นำชุมชน ดูแลอีกชั้นหนึ่งเพื่อนำเข้ากระบวนการคัดกรองโรคทั้งหมด ซึ่งได้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตา หากพบกลุ่มคนต้องสงสัยหรือคนแปลกหน้าในพื้นที่ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที นอกจากนี้การดูแลเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ถือเป็นสิ่งสำคัญ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโลม ได้แสดงความห่วงใยต่อกำลังเจ้าหน้าที่ทุกนาย ซึ่งถือเป็นหน้าด่านสำคัญที่ปฏิบัติงานอยู่ตามแนวชายแดน โดยขณะนี้ได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 ให้แก่เจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจตามแนวชายแดนทั้งฝั่ง ไทย-มาเลเซีย และ ไทย-เมียนมา และให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รวมถึงการปฏิบัติงานต้องมีการป้องกันตนเองจากเชื้อตามมาตรการที่รัฐกำหนดเพื่อให้มีความปลอดภัยทั่วกันฃ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น