เมื่อวันที่ 16 ต.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสร่วมคณะของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การป้องกันน้ำท่วมที่จ.อุบลราชธานี ที่ได้สั่งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ตนได้รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนที่มาให้กำลังใจสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรู้สึกอุ่นใจที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งเรียนรู้โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ “โคกหนองนาโมเดล” ที่วัดป่าศรีแสงธรรม บ้านดงดิบ ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ทำให้ประชาชนได้เข้ามาเรียนรู้จากแปลงตัวอย่าง นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์และขยายผลนำไปใช้ได้จริงในการพึ่งพาตนเอง เพื่อต่อสู้กับวิกฤติต่างๆ รวมถึงโควิดด้วย
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันที่เขื่อนสิรินธร ก็พบชาวบ้านได้มารอร่วมให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิรินธรและมีปัญหาสะสมมากว่า 50 ปี ไม่มีนายกฯ คนไหนสนใจจริงจัง มีเพียงแต่พล.อ.ประยุทธ์ที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนนี้ขึ้นมา เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้เข้าไปพูดคุยและร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ จนลุล่วงได้ มีช่วงหนึ่ง ในขณะที่ชาวบ้านใช้โทรโข่งเชียร์ลุงตู่ สู้ๆ ท่านนายกฯ ได้เดินไปเกือบสุดทางออกเพื่อขึ้นขบวนไปต่อแล้ว แต่ท่านได้หันเดินกลับมาแล้วขอใช้โทรโข่ง พร้อมพูดว่า “นายกฯ ก็รักทุกคนนะ นายกฯ อยากทำและจะเร่งทุกอย่างให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น นายกฯ ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจวันนี้ นายกฯ ตั้งใจทำงานเพื่อเราทุกคน นายกฯ ก็เป็นกำลังใจให้กันและกันนะ’ ซึ่งตรงนี้ชาวบ้านที่มารอรับต่างปลื้มและให้กำลังใจนายกฯ สู้ต่อไป”
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ตนยังได้ลงพื้นที่สำรวจถนนคนเดินไนท์บาซาร์สแควร์ พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าส่วนใหญ่และพี่น้องประชาชนมีโครงการคนละครึ่ง และมีความพึงพอใจต่อโครงการนี้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในส่วนของลูกค้าก็ชื่นชอบเพราะใช้ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าก็ได้กระตุ้นยอดขาย โดยได้เงินเต็มราคาจากเม็ดเงินที่รัฐบาลช่วยสนับสนุนขณะที่ลูกค้าจ่ายเพียงครึ่งเดียว สะท้อนว่ารัฐบาลมาถูกทางในการจัดสรรงบประมาณลงไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งพี่น้องประชาชนอยากให้รัฐบาลมีโครงการดีๆ แบบนี้ออกมาช่วยเหลือประชาชนอีก ซึ่งตนจะได้สะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชนไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ณ วันที่ 14 ต.ค.2564 โครงการคนละครึ่งเฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 25.08 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิรวม 27.64 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 94.4 ล้านบาท ซึ่งประชาชนที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนได้ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวัน โดยยังมีสิทธิเหลืออีก 2.6 แสนสิทธิ ยังมีพี่น้องประชาชนอีกมากที่มีความเข้าใจผิดต่อโครงการรัฐ จึงอยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมช่วยกันสื่อสารข้อมูลดีๆ ที่ถูกต้อง ให้ทุกคนได้เข้าถึงการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน