เมื่อวันที่ 16 ต.ค. นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ว่า ตอนนี้เรามีความพร้อมแทบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยหน่วยงานของสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นของประชากรปัจจุบัน ส่วนเรื่องการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายจากชายแดนนอกประเทศเราได้บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานทางทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมถึงกรมประมง อุทยานแห่งชาติ และตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมกันสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายในทุกพื้นที่ แม้ว่าจะเป็นถนนสายหลักและบริเวณเส้นทางน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการลักลอบของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาเป็นจำนวนพอสมควร
“การสกัดกั้นเราทำกันมานานแล้ว มีความเข้มแข็งและเข้มข้นตลอดเวลา แต่ด้วยความต้องการแรงงานภายในประเทศเราเองประกอบกับทางประเทศเพื่อนบ้านอาจจะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจต่างๆก็อาจจะทะลักเข้ามาในประเทศเราเป็นจำนวนมากขึ้น เราก็ประชุมและสรุปงานเป็นประจำร่วมกันเพื่อสกัดกั้นมาโดยตลอด ถนนสายหลักเรามีด่านความมั่นคงหลายด่านตลอดทาง ตั้งแต่อ.สังขละบุรีจนถึงอ.ไทรโยคและอ.เมือง ส่วนเส้นทางทางน้ำเป็นเส้นทางที่เขาพยายามเลี่ยงด่านหลักของเรา โดยใช้พื้นที่ป่าเขา คนเหล่านี้จะวิธีเดินเท้าและอาจจะมีการจ้างเรือมารับตามจุดต่างๆที่ลับสายตาของเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องมีการลาดตระเวนร่วมกันต่อเนื่องเป็นประจำ เราจับได้บ่อย” นายปกรณ์ กล่าว
เมื่อถามถึงความร่วมมือกับประเทศเมียนมาในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายเป็นอย่างไรบ้าง นายปกรณ์ กล่าวว่า ประมาณสัปดห์หน้าจะมีการพูดคุยกันระหว่างฝ่ายไทยกับเมียนมาในเรื่องนี้ ทั้งการสกัดกั้นยาเสพติด สิ่งค้าเถื่อน รวมถึงเรื่องแรงงานต่างด้าวที่ต้องขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้คนของเขาลักลอบข้ามมาทางบ้านเรา
“ตอนนี้ตามนโยบายรัฐบาลในการเปิดประเทศเพื่อพัฒนาและกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อ.สังขละบุรีพร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว เพียงแต่ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข คืออย่างน้อยผู้ที่มาท่องเที่ยวจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่าครบถ้วน ถ้ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนขอให้แสดงใบรับรองผลตรวจแบบเอทีเคมาแล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยทางโรงแรมหรือที่พักจะเป็นผู้ขอตรวจคัดกรองช่วยเจ้าหน้าที่อีกชั้นหนึ่ง” นายอำเภอสังขละบุรี กล่าว
ขณะที่พ.อ.ธัชเดช อาบัวรัตน์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ กล่าวถึงการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่าวด้าวว่า สถานการณ์แรงงานต่าวด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่บริเวณพื้นที่อ.สังขละบุรีนี้ เป็นพื้นที่ราบติดต่อกับเมียนมา จะเกิดปัญหาหลบหนีเข้าเมืองค่อนข้างมาก และยากต่อการสกัดกั้น สำหรับมาตรการกองกำลังสุรสีห์คือต้องลดเส้นทางหลักให้ได้ โดยปัจจุบันวางกำลังออกเป็น 3 จุดใหญ่ๆปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ ชุดปฏิบัติการบ้านห้วยเจดีย์สามองค์ ชุดปฏิบัติการช่องทางหกพันไร่ และจุดตรวจร่วมน้ำเกริก ส่วนบริเวณเส้นทางธรรมชาติใช้เครื่องกีดขวางวางสกัดกั้น พร้อมทั้งใช้การลาดตระเวณค้างแรมซุ่มเฝ้าตรวจ โดยเส้นทางธรรมชาติที่ตรวจพบแรงงานต่างด้าวในปัจจุบันนี้มีจำนวนมากที่ลัดเลาะเข้ามาได้ตลอดแนว ผลการปฏิบัติที่ผ่านมาสามารถจับกุมได้เกือบทุกวัน นอกจากนี้ยังได้ปฏิบัติตามภารกิจต่างๆที่กองทัพบกกำหนดไว้ด้วย เช่น การลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันชายแดน การจัดระเบียบและจัดระบบพื้นที่ชายแดน และการพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันมีการวางชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดน 1 ชุด ในพื้นที่หมู่บ้านเจดีย์สามองค์
“ส่วนใหญ่ที่จับได้คือจะมีผู้นำทางมารอรับในฝั่งเรา โดยเดินทางมาจากจ.เมาะละแหม่งงที่ห่างจากจุดเจดีย์สามองค์ไปประมาณ 180 กว่ากิโลมเตร เมื่อมาถึงชุมชนพญาตองซูก็จะแยกย้ายกระจายเดินเท้าลัดเลาะตามภูมิประเทศและกำหนดจุดนัดพบให้ผู้นำทางมารับเพื่อเลี่ยงจุดตรวจ โดยพื้นที่ที่ตรวจพบร่องรอยก็ได้ทำสัญลักษณ์ลงไปในแผนที่แล้ว เป็นจุดที่ให้ความสำคัญ เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยง ก็จะจัดชุดออกลาดตระเวนตลอด เมื่อเรารู้แนวทางเขาแล้วก็จัดชุดเจ้าหน้าที่ลงไป แต่เขาก็พยายามเปลี่ยนวิธีการ จากเดินเข้ามา 10 คนก็กระจายเป็นจุดละ 2 คน จากนั้นหาพื้นที่จุดนัดพบต่อไป โดยคิดค่านำพาต่อหัวประมาณ 15,000-20,000 บาท ไปจ่ายเงินที่จังหวัดปลายทางเมื่อไปถึง ตอนนี้มีรายงานด้านการข่าวอยู่เหมือนกันว่าแรงงานเมียนมาเริ่มเดินทางจากพื้นที่ตอนในเข้ามาพักคอยตามแนวชายแดนแล้วจำนวนหนึ่งทั้งด้านตรงข้ามพระยาตองซู และพุน้ำร้อน ส่วนพื้นที่ตรงข้ามอ.ไทรโยคมีประมาณ 100 คน เพื่อเดินทางไปใช้แรงงานต่อไปในร้านอาหารและโรงงานพื้นที่ชั้นในของไทย เราก็พยายามปรับแผนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เขาจับทางเราอยู่ ส่วนจะพักคอยนานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับเสบียงที่เขาจัดหาได้ เพื่อรอดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่” พ.อ.ธัชเดช กล่าว