ธปท.-ส.ธนาคารไทย แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติของลูกค้าจำนวนมาก

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ชี้แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงิน แนะลูกค้าที่พบความผิดปกติ เร่งแจ้งธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อตรวจสอบทันที ด้านสตช. ระบุควรเลี่ยงทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านออนไลน์ ที่ต้องแจ้งข้อมูลหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่หลังบัตร

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2564 ตามที่ปรากฏข่าว พบลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจำนวนมากประสบปัญหาการทำรายการชำระเงินโดยที่ไม่ได้ทำธุรกรรมด้วยตนเอง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้รับทราบปัญหาและได้ตรวจสอบสถานการณ์ดังกล่าว โดยเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการ
ที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว

ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้

สำหรับลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป

ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารพาณิชย์มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบรายการที่ผิดปกติ ธนาคารจะแจ้งลูกค้าเพื่อตรวจสอบและยืนยันรายการธุรกรรม และพร้อมจะดูแลลูกค้าด้วยความรับผิดชอบเสมอ

https://www.facebook.com/SocialMediaRoyalThaiPolice/posts/3273087219647237
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ออกมาเตือนภัยกรณีมีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์มีผู้เสียหายถูกหักเงินจากบัญชีธนาคารหรือบัตรเดบิต จำนวนหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่นกัน

โดยพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตร และปฎิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์ และทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิด และนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ที่ต้องแจ้งข้อมูลด้านหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องระวังการหลอกลวงให้กรอกข้อมูลบัตรเพื่อจ่ายเงินค่าภาษีของเว็บไปรษณีย์ไทยปลอม ซึ่งคนร้ายจะทำหน้าเว็บไซต์มีโลโก้ไปรษณีย์ไทยเหมือนของจริง หลีกเลี่ยงการกดลิงค์ที่มีการส่งมาทางอีเมล SMS หรือ สื่อสังคมออนไลน์

หากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ขอให้พิมพ์ชื่อเว็บด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันเข้าไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีความแนบเนียนมาก นอกจากนี้ ยังประชาชนควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร หรือจดรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน และป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์

ทั้งนี้ประชาชนที่พบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ สำหรับกรณีดังกล่าว เกิดจากมีเจ้าของบัญชีธนาคารหลายราย ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโลกออนไลน์ หลังถูกตัดเงินออกจากบัญชี โดยมียอดเงินหลักสิบบาท ถึงหลักหมื่นบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นรายการซื้อสินค้าและบริการ ผ่านร้านค้าออนไลน์ ที่ผูกบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ขณะที่บางรายเป็นค่าโฆษณาจาก Social Network

กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ชื่อกลุ่ม “ แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว “ เพื่อให้ผู้ที่รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งปรากฎว่ามีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอยู่ที่ราว 4 หมื่นรายแล้ว โดยต่างเข้ามาแชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเองจำนวนมาก

โดย ผู้ดูแลกลุ่ม ได้ทำโพลเพื่อสำรวจผู้เสียหายจากการถูกหักเงินในบัญชีโดยไม่รู้ตัว ในหัวข้อ
– ติดต่อกับธนาคารแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน
– ยังไม่ได้ติดต่อธนาคาร และยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ
– ติดต่อธนาคารแล้ว ได้รับเงินคืนครบจำนวน
– ติดต่อกับธนาคารแล้ว ได้รับเงินคืนบางส่วน
ซึ่งส่วนใหญ่มีผู้เข้ามาโหวตว่า ติดต่อกับธนาคารแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น