พลตรีคำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง หัวหน้ากรมตำรวจใหญ่ กระทรวงป้องกันความสงบ ได้รายงานความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนกลุ่มบุคคล ทั้งคนลาวและคนต่างประเทศ ที่เป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อโควิด-19 เมื่อต้นเดือนเมษายน
โดยตามรายงานการสอบสวนของตำรวจลาว ทราบว่า มีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง ที่มีทั้งคนลาวและคนต่างประเทศ ลักลอบเข้า-ออกตามแนวชายแดน ระหว่าง สปป.ลาว กับประเทศใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ยังมีบางบุคคลที่อยู่ภายในประเทศละเมิดมาตราการป้องกันที่เข้มงวดโดยได้ให้การช่วยเหลือ ปกปิด และร่วมกันกระทำความผิดจนทำให้เกิดการแพร่เชื้อระบาดไปตามสถานที่ชุมชนต่างๆเช่นร้านกินดื่ม ร้านอาหาร ร้านบริการ
ซึ่งผู้กระทำผิด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ถ้าเป็นคนลาวจะได้แก่ผู้ใช้แรงงานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน, นักศึกษา, เจ้าหน้าที่รัฐ ในส่วนคนต่างประเทศจะเป็นพวกที่มาจากประเทศใกล้เคียงที่มีพรมแดนติดกัน
สำหรับคนต่างประเทศเช่นกลุ่มคนไทย 2 คนที่เข้าไปทำให้เกิดคลัสเตอร์ที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้นั้น ทางตำรวจจะดำเนินการตามกลไกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจะนำมาดำเนินการตามกฎหมายต่อความผิดในเรื่องการ ละเมิดกฎหมายว่าด้วยการเข้า-ออกเมือง และคุ้มครองคนต่างประเทศ, ละเมิดกฎหมายว่าด้วยการควบคุมโรคติดต่อ โดยการดำเนินคดีในแต่ละบุคคล ตำรวจจะดำเนินการไปตามกระบวนการตามกฎหมายของสปป.ลาว
พันโท วีละพน ไพบูน หัวหน้าตำรวจคุ้มครองคนต่างประเทศ สำนักงานป้องกันความสงบ นครหลวงเวียงจันทน์ ได้ชี้แจงเพิ่มเติมต่อกรณีนักศึกษาหญิงลาว หรือผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่มีความผิดในเรื่องของการนำคนไทยเข้าไปจนทำให้เกิดคัสเตอร์ขึ้นว่า ตอนนี้ได้รักษาอาการป่วยจนหายเป็นปกติแล้ว และทางการได้นำ ไปกักตัว 14 วัน ตามมาตรการสาธารณสุข หลังจากนั้น ตำรวจจะได้นำตัวมาเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป