นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การวางตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ที่กลายเป็นประเด็นร้อนความขัดแย้งในขณะนี้ว่า ส่วนตัวมองในมุมบวก เมื่อย้อนกลับไปดู เมื่อปีที่แล้ว จะเห็นว่าการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ยังอยู่ในภาวะที่มีคนปฏิเสธเยอะ ขณะเดียวกัน มีผู้แจ้งความจำนงจะ ไม่ลงสมัครก็หลายพรรค แต่มาถึงวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป คือมีผู้สนใจรวมถึงคนรุ่นใหม่ เลือดใหม่ไหลเข้าเลือดเก่าไหลกลับ เยอะ รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้มีผู้สนใจลงสมัครจำนวนมากเช่นกัน เมื่อเขตไหนที่มีผู้สนใจรับสมัครเลือกตั้งเกินกว่า 1 คน ก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นเรื่องปกติซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ขอขอบคุณที่ทุกคนให้ความสนใจ และสุดท้ายก็มีกระบวนการของพรรคในการตัดสินใจโดยดำเนินการตามข้อบังคับโดยจะใช้มติที่ประชุมของพรรคเป็นข้อยุติตามที่เคยปฏิบัติมาแล้วซึ่งจะตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม โดยจะคัดเลือกตัวผู้ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของพรรค ที่ปฏิบัติกันมา มากกว่า 70 ปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร
โดยนายจุรินทร์ ปฏิเสธไม่ขอพูดถึงรายบุคคล ทั้งกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมจ.พัทลุง รวมถึงกรณีของนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นชาวพังงา ได้แจ้งความประสงค์ต่อผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ถึงการขอลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่จะเพิ่มอีกใน จ.พังงา แต่นายจุรินทร์ สนับสนุนนายบำรุง ปิยนามวาณิช ที่เป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พังงา ให้ลงสมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าว พร้อมยื่นข้อเสนอให้นายราเมศไปลงสมัคร ส.ส.เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ แทน ซึ่ง นายจุรินทร์เชื่อว่าทุกคนมีความเข้าใจในเรื่องนี้ดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเคลียร์ใจหรือทำความเข้าใจ ซึ่งยึดตามหลักการเดิมของพรรค
ส่วนหลายคนมองว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้นนายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อมีผู้ประสงค์หลายคนที่จะลงสมัครพูดง่ายๆว่าก็ต้องแย่งกันลง หากมีผู้สนใจเกินกว่า 1 คน มั่นใจกรณีดังกล่าวจะไม่เป็นรอยร้าวในพรรคเพราะพักผ่านการตัดสินใจในลักษณะนี้มายาวนานที่สุดทุกคนจะเคารพตามมติพรรค พร้อมมั่นใจว่าสนามเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะมีการเดินหน้าขยับขึ้นสังเกตจากปัจจัยของ การมีผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งมากกว่า 1 คนก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยชี้วัด ซึ่งต่างจากปีก่อนๆที่ผ่านมา