เมื่อวันที่ 23 ต.ค.64 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.ตาก ของพรรคก้าวไกลลงพื้นที่ตรวจสอบข้อร้องเรียนของพี่น้องจากตำบลไม้งาม หมู่ 6 และ 7 ในอำเภอเมือง จังหวัดตาก หลังได้รับแจ้งว่าประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบหนักจากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ พบว่า ช่วงเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาระดับน้ำสูงไม่เกิน 20 เซนติเมตรเท่านั้น แต่เวลาประมาณ 11.00 น. ชาวบ้านสังเกตว่าน้ำที่ไหลลงมาเป็นสีดินลูกรัง จึงได้ไปดูคันดินในค่ายวชิรปราการ ก็พบว่าน้ำใกล้ล้นคันดิน และคันดินบางส่วนก็พังลงมา จึงมีคนตะโกนบอกให้หนี เพราะอ่างเก็บน้ำจะแตก แต่ก็ไม่มีใครเก็บข้าวของหนีน้ำได้ทัน เพราะอีก 4-5 นาทีต่อมามวลน้ำก็มาถึงบริเวณที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ระดับน้ำสูงขึ้นมาถึงหน้าอก สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน รถยนต์และทรัพย์สินของชาวบ้านกว่า 30 ครัวเรือน อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วย 1 ราย
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะมีเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกหรือไม่ บางคนยังต้องไปอาศัยบ้านญาติ หรือเช่าบ้านอยู่ บางคนสภาพจิตใจย่ำแย่ เกิดภาวะ ซึมเศร้า วิตกกังวล และหวาดระแวง อยู่ตลอดเวลา และจนถึงวันนี้มีน้ำท่วมรวม 7 ครั้งแล้ว โดยที่ชาวบ้านยังไม่ได้รับการเยียวยาดูแลจากหน่วยงานใดๆ หลังจากที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันแสดงความคิดเห็นก็ได้ข้อสรุปว่า เหตุน้ำท่วมนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ทางธรรมชาติแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา หากฝนตกหนักก็จะมีน้ำท่วมขังเพียง 15 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ครั้งนี้ฝนตกเพียงชั่วคืนเดียวกลับสร้างความสูญเสียที่มากมายมหาศาล นอกจากจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากหน่วยงานรัฐเลย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพ ก็ยังไม่ออกมาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ชาวบ้านรับทราบอีกด้วย บริเวณพื้นที่ติดกับบ้านเรือนชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เป็นพื้นที่ของเขตทหารมณฑลที่ 310 ซึ่งมีการก่อสร้างคันดินระหว่างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 อ่างที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้คันดินทลายลงมา โดยก่อนการสร้างอ่างเก็บน้ำก็ไม่ได้แจ้งชาวบ้านผู้พักอาศัยในพื้นที่ติดกัน ชาวบ้านทราบเพียงแต่มีเครื่องจักรหนักทำงานต่อเนื่อง จนมาทราบภายหลังว่า มีการขุดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีการเสริมคันดินขึ้นมาในระดับที่สูงกว่าหลังคาบ้านเรือนที่พักอาศัยในบริเวณนั้น จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งมา แม้มีทหารจำนวนหนึ่งนำรถและเรือมาช่วยลำเลียงคนออกจากบริเวณน้ำท่วม รวมถึงตั้งเต๊นท์และแจกอาหารและถุงยังชีพ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางทหารไม่ได้พูดถึงการมีอยู่และปัญหาของอ่างนี้แต่อย่างใด
“ผมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะค่ายทหารวชิรปราการ ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจ่ายค่าชดเชยแก่ชาวบ้านที่ต้องสูญเสียญาติพี่น้องและทรัพย์สินที่สะสมมาตลอดชีวิต รวมถึงรับฟังข้อเรียกร้องของชาวบ้านที่ต้องการให้ยกเลิกโครงการแนวคันดินที่เชื่อมอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่ง ทำอ่างเก็บน้ำให้ได้มาตรฐานของกรมชลประทาน และทำทางระบายน้ำในค่ายทหารผ่านท่อหรือคลองส่งน้ำให้ได้มาตรฐานและทันท่วงที และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการอย่างมากคือ การมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่รอบค่ายทหาร หากจะมีโครงการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน ผม ในฐานะส.ส.พรรคกก้าวไกล จะนำประเด็นนี้เข้าสู่กรรมาธิการ และจะตั้งกระทู้ในสภาฯ เพื่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาร่วมชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง รวมถึงหาทางออก และเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด” นายปดิพัทธ์ กล่าว