เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก พูดถึงปัญหาชาติที่ต้องเผชิญ มีใจความตอนหนึ่งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นหลายสิ่งแล้วไม่สบายใจ เพราะขณะนี้ประเทศชาติกำลังเผชิญปัญหาภาพใหญ่ 2 เรื่อง คือ 1.การลุกคืบของทุนโกงชาติโดยใช้ประชานิยมเป็นเครื่องมือ 2.ทุนล้มล้างที่ต้องการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง ที่สองอย่างกำลังลุกคืบเข้ามาในสังคมไทย โดยกลุ่มขับเคลื่อนต่างๆในสังคม เช่น ทุนโกงชาติ แทบทุกสัปดาห์ที่มีการไลฟ์มา หรือเข้าไปในคลับเฮ้าส์มีพฤติกรรมชัดเจนเมื่อมีอำนาจก็โกงชาติ หลายครั้งเมื่อมีอำนาจรัฐตัวเองก็ทุจริตคอรัปชั่น แม้ตัวเองไม่อยู่ก็ใช้วงศาคณาญาติเข้ามาสืบทอดอำนาจ เพื่อเข้ามามีอำนาจในรัฐบาลผ่านโครงการประชานิยม ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐไทยต้องเสียเงินไปถึง 940,000 ล้านบาท สร้างความเสียหายต่อระบบข้าวของประเทศมหาศาล จากราคาข้าว 8,000-9,000 บาท แต่รับซื้อ 15,000 บาท สุดท้ายแล้วนำไปสู่ความสูญเสียระบบข้าวของประเทศ และนำไปสู่การทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดในวงการข้าวของไทย คนพวกนี้ยังเหิมเกริมไม่มีจิตสำนึก แม้ถูกศาลตัดสินพิพากษาหลายคดี แม้แต่โครงการดาวเทียมไทยคมที่มีการทุจริตมาก เพื่อเอาดวงที่ 4 ดวงที่ 7 และดวงที่ 8 เป็นพฤติกรรมทุนโกงชาติด้วยการอาศัยประชานิยมเข้ามา ทำให้ประชาชนมีความรู้ว่าเป็นเปี้ย และชีวิตต้องรอการช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งทุนโกงชาติเหล่านี้พยายาม เพราะรู้ว่ากระบวนการต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขระบบการเลือกตั้งเข้าทางพวกตัวเอง และตนเชื่อว่าทุนเหล่านี้เมื่อเข้ามาครอบงำประเทศ สุดท้ายก็แต่งตั้งญาติและคนใกล้ชิดเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากประเทศชาติ หากคิดดีต่อประเทศก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนทั้งประเทศจะออกมาขับไล่นำไปสู่การทำรัฐประหาร จนศาลพิพากษาจำคุกแล้วต้องหนีทั้งพี่และน้องกลับยังไม่สำนึก เข้ามาสอนคนไทย ตนก็ไม่แฮปปี้ คนพวกนี้มีเงินและผลประโยชน์เยอะมากจากโครงการที่ได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาล
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนทุนล้มล้างจะเห็นว่าคนเหล่านี้พยายามใช้วาทกรรมสร้างความเกลียดชังประชาชนในชาติ ที่พยายามยุงแหย่ให้คนเกลียดชัง ด้อยค่าบางสิ่งบางอย่าง ทั้งคำว่าเท่าเทียม ประชาธิปไตย เผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจ หลายอย่างเป็นวาทกรรมที่ต้องการให้ประชาชนรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า ล่าสุดหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่งไปที่อีสานก็พยายามด้อยค่าว่าคนอีสานต้องคำสาป ที่สื่อสารเพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่าตนเองถูกรังแก ถูกกดดับกดขี่ ต้องปลดแอก และล่าสุดแม้ตนไม่ใช่ศิษย์เก่าแต่รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นภาพข่าวที่องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ ตอนนี้มีการอาศัยโซเชียลมีเดียปลุกระดมประชาชนคนรุ่นใหม่เรื่องความเท่าเทียมและความเสมอภาคที่มันไม่จริง วาทกรรมคนเหล่านี้เพื่อจ้องให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังและด้อยค่าสถาบันเบื้องสูง เพราะการอัญเชิญพระเกี้ยวในงานประเพณีของชาวจุฬาฯ ประเพณีอันดีงามของชาวจุฬาถูกใครก็ไม่รู้พยายามประกาศยกเลิกและสร้างความเกลียดชัง พยายามด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีพรรคพวกเขาเองที่ช่วงนั้นอาจจะอยู่ฝรั่งเศสเรียกร้องทางเฟซบุ๊กให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนอยากให้ประชาชนเห็นว่านี่คือขบวกการลุกคืบเข้ามาในสังคมไทยทั้งสองอย่าง อย่างหนึ่งคือทุนโกงชาติที่เอาประชานิยมเป็นเครื่องมือและเอาเงินอัดลงมา เพื่อให้ตนเองมีอำนาจรัฐ และเอาวงศาคณาญาติขึ้นมา หรืออาจจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม
นพ.วรงค์ กล่าวว่า ส่วนทุนล้มล้างมีโครงข่ายในพรรคการเมืองและนอกสภาฯ รวมถึงต่างประเทศที่ทำงานร่วมกัน ล่าสุดม็อบทะลุแก็สที่ไปวุ่นวายบริเวณสามแยกดินแดน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเครือข่ายภาคีปลดปล่อยประชาชนไทยที่มีเจตนาต้องการเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐหรือ ตนเชื่อว่าสังคมไทยไม่ยอม ซึ่งทุนสองทุนนี้เป็นแนวร่วมกันได้ และจะนำมาซึ่งความวุ่นวายกลียุคของประเทศ ทางออกที่ง่ายเราต้องรู้ทันและเข้าใจสถานการณ์ แต่หัวใจคือรัฐบาล ตนจึงเรียกร้องว่าการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องได้รัฐบาลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และทำด้วยความโปร่งใส หากมีการทุจริตจะเข้าทางเขา คนพวกนี้หากเป็นใหญ่ก็ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเพราะถ้าซื่อสัตย์ต้องนำเสนอข้อเท็จจริงที่เป้นเหตุเป็นผลให้กับประชาชน แต่ฝ่ายโกงชาติใช้คำว่าประชานิยม เยาะเย้ยเศรษฐกิจพอเพียงว่าไม่พอกิน ตนอยากบอกว่าถ้ารู้จักพอเพียงก็จะพอกิน ส่วนทุนล้มล้างเน้นสร้างความเกลียดชัง เป็นพวกโหนเจ้า พยายามดึงสถาบันลงมาโจมตีกล่าวให้ร้าย เพื่อให้ตนเองมีชื่อเสียงโด่งดัง ตนขอเตือนรัฐบาลจต้องซื่อสัตย์ ประเทศกำลังเผชิญปัญหาและอย่าไปหลงอำนาจที่มิชอบ
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ปัญหาประเทศ ไม่ใช่ปัญหาของสถาบัน แต่เป็นเรื่องของรัฐบาล วันนี้สังคมไทยมีปัญหาเรื่องการทุจริต หากเราแก้ไขได้ทุกอย่างก็จะดีขึ้น เพราะโยงใยไปทุกวงการ และถ้าเราจะแก้กระบวนการยุติธรรม เป็นไปไม่ได้ที่เราจะแก้ทั้งระบบคือตำรวจ อัยการ และศาล การแก้ไขที่ง่ายและถูกต้องคือการปฏิรูปตำรวจเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง หากเราแก้ตรงนี้ได้ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย เราต้องรื้อระบบเกษตรกรให้มีอำนาจต่อรอง และปัญหาสาธารณูปโภคพื้นฐานต้องรื้อโครงสร้าใหม่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน
“สิ่งที่พวกคุณพยายามออกมา แม้แต่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน เครือข่ายเขาก็พยายามจะให้ล้มเลิกการอัญเชิญพระเกี้ยว มันไม่ได้ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่พวกทุนโกงชาติต้องการมีอำนาจรัฐอย่างเดียว ผมเรียกร้องรัฐบาลต้องตระหนักว่าการกระทำของท่านหมิ่นเหม่ที่จะนำประเทศไปสู่วิกฤต ถ้ารัฐบาลอ่อนด้อยไม่ได้เรื่องพวกนี้เหิมเกริม สุดท้ายประชาชนก็ไม่ยอมให้คนเหล่านี้มาทำในสิ่งที่ไม่ควร ตอนนี้ประชาชนพลังเงียบกำลังอดทนอดกลั้น จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องไม่สร้างเงื่อนไขทุจริตและใช้อำนาจไม่ชอบ จะทำให้สองกลุ่มรุกคืบได้ง่ายขึ้น หากพวกผมมีอำนาจ ประชาชนไว้วางใจจะรื้อปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของประเทศ คนเหล่านี้ต้องการให้เกิดความเกลียดชังและเกิดสงครามกลางเมือง เราต้องอดกลั้นใช้เหตุผลอธิบายกับประชาชนเข้าใจ และการแก้ไขปัญหาต้องแก้ระยาว ด้วยการอาศัยอำนาจรัฐ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใส่ สยบสิ่งเหล่านี้ หากปล่อยให้รัฐบาลใช้อำนาจมิชอบ สักวันก็เกิดวิกฤตในการขับไล่ วันนี้เราจำเป็นต้องเข้ามาช่วยประชาชน และมีแผนยั่งยืนรองรับ เพื่อให้ประชาชนมีพื้นฐานความเป็นอยู่ที่ดี วันนี้ลูกหลานเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นธรรมชาติวัยที่กำลังท้าทายความคิดแปลกใหม่ เมื่อถึงวันหนึ่งจะพิสูจน์ได้ว่าคำว่า กดทับ เท่าเทียม เผด็จการ ปลดแอก เป็นวาทกรรมสร้างความเกลียดชังเท่านั้น” นพ.วรงค์ กล่าว