จากกรณีที่มีผู้เสียหาย ร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าว TOPNEWS หลังจากนำรถหรูยี่ห้อ มินิคูเปอร์ เข้าซ่อมที่อู่แต่งรถแห่งหนึ่ง ย่านถนนรัตนาธิเบศร์ ก่อถูกทางอู่ยกเค้าเครื่องยนต์ รื้อชุดแต่ง สลับกับรถมินิคูเปอร์ของลูกค้า ทำให้รถพังเสัยหายไม่สามารถใช้การได้ อีกทั้งเจ้าของอู้ได้ปิดอู่หนี ปล่อยให้ช่างซึ่งเป็นลูกจ้าง ต้องรับหน้าลูกค้า ซึ่งเป็นลูกค้า ทั้งที่ไม่ได้รับเงินเดือน จนสุดท้ายช่างต้องปิดประตูเหล็กหนีออกจากอู่ ทำให้ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของรถ ต้องจ้างรถยกมานำรถของตนเองออกจากอู่
โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่อู่ซ่อมรถแห่งนี้ พบว่าอู่ปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ ด้านในพบว่ามีรถยนต์ยี่ห่อมินิคูเปอร์ 5 คันจอดทิ้งไว้ หลายคันอยู่ในสภาพที่ถูกรื้อถอนอะไหร่รถ มีเพียงรถที่จอดหน้าอาคารที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวได้นัดเจอกับหนึ่งในผู้เสียหายจากการนำรถเข้าซ่อมที่อู่ดังกล่าว คือนายกฤศกร โชติกาญจนทิศ หรือต้น เล่าว่า ตนซื้อรถมือสอง มาในราคา 1,300,000 บาท และเพิ่งจะผ่อนรถได้เพียงปีเดียว แต่เนื่องจากรถหมดประกันของศูนย์ไปแล้ว และตนรู้จักอู่นี้จากเพจของกลุ่มมินิคูเปอร์ จึงตัดสินใจนำมาซ่อมที่อู่แห่งนี้ โดยครั้งแรกเสียค่าซ่อมไปหลักแสนบาท ครั้งนี้จึงเอารถกลับมาซ่อมอีกครั้งเพราะน้ำมันรั่ว ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ทางอู่บอกว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายชิ้น และใช้เวลาหลายวัน จึงตัดสินใจทิ้งรถไว้ แต่ก็หมั่นเข้ามาดูตลอด จนช่วงหลังเริ่มผิดสังเกต เมื่อพบว่าอะไหล่บางส่วนของรถถูกรื้อถอน หายไป
จึงสอบทางอู่พบว่า ทางอู่บอกว่า อาจติดไปกับรถคันอื่น จากนั้นเจ้าของอู่ก็โทรแจ้งว่าประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัส จากนั้นทางอู่ก็เงียบหายไป จึงตัดสินใจกลับมาที่อู่ ก่อนจะพบว่ามีช่างของอู่อยู่คนเดียว และมีรถของผู้เสียหายรายอื่น ถูกรื้อถอนอะไหล่อีกหลายสิบคัน จึงตัดสินใจเรียกรถยกมานำรถออก เพราะกลัวว่าจะถูกขโมย
จากนั้นก็เริ่มมีผู้เสียหายแจ้งข้อมูลว่าถูกอู่แห่งนี้ถอดอะไหล่รถไปใส่ในรถคันอื่น และรู้ว่าเจ้าของอู่เคยก่อเหตุแบบนี้มาก่อน จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของอู่รถได้ จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน เพราะทางตำรวจบอกว่า เป็นคดีทางแพ่ง ต้องทำเรื่องฟ้องศาล เนื่องจากเป็นการผิดสัญญา แต่เบื้องต้นมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่กำลังรวมตัว เพื่อเข้าแจ้งความอีกครั้ง และหวังว่าเจ้าของอู่จะเข้ามาเคลียปัญหานี้ เพราะทำแบบนี้มันเป็นการทำลายอาชีพของตัวเอง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปตามเบอร์ ที่ทางอู่ระบุไว้ พบว่าเบอร์หนึ่งไม่สามารถต่อได้ ส่วนอีกเบอร์ทีมข่าวสามารถติดต่อได้ แต่ปลายสายแจ้งว่า ไม่ใช่เบอร์อู่ซ่อมรถ ซึ่งเจ้าของเบอร์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เพิ่งซื้อโทรศัพท์และเปิดเบอร์ใหม่ได้เพียง 1 อาทิตย์ ก็มีคนโทรมาถามหาอู่ซ่อมรถ และช่างเอ้ ซึ่งตนเองไม่ใช่ช่างเอ้ ไม่ใช่ช่างซ่อมรถ จึงปฏิเสธไป และรู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงมีคนโทรมาถามหาช่างเอ้ ซึ่งเมื่อสอบถามปลายสายก็รู้ว่า เบอร์ของตนเองไปตรงกับเบอร์ของอู่ซ่อมรถที่โกงลูกค้า แต่ตนเองขอยืนยันว่าตนเองไม่รู้จักกับอู่แห่งนี้