วันที่ 27 ต.ค. 2564 กรณีพยาบาลโรงพยาบาลสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พบของฝากต้องสงสัย ที่จะส่งต่อไปให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลสตึก กระทั่งตำรวจมาตรวจสอบ พบว่ามียาบ้า อยู่ในซองยาเส้นจำนวน 8 เม็ด ที่ปะปนมากับมะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย และกาแฟ ซึ่งหลังจากนั้นตำรวจได้นำนายอุทัย จงใจงาม อายุ 39 ปี ชาวคุ้มชาวประมง ต.สตึก กับลูกสาววัย 13 ปี ที่มาด้วยกัน ไปสอบสวน พร้อมกับเรียกนางเสาวนี บุญตา อายุ 39 ปี ชาว ต.สตึก อ.สตึก ที่นายอุทัยอ้างว่า เป็นคนวานให้เอาไปฝากให้
แต่ทั้งสองคนได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ยุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะนายอุทัย ให้การกับตำรวจว่า ตนมีอาชีพขายปลา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ยังขัดแย้งกับหลักฐานที่ไปพบเงินสดอยู่ภายในบ้านจำนวน 100,000 บาท พร้อมทองรูปพรรณน้ำหนักอีกกว่า 5 บาท ตำรวจจึงยึดมาตรวจสอบ
ความคืบหน้าล่าสุดตำรวจได้ปล่อยนายอุทัย กลับมาบ้านชั่วคราวแล้ว หลังจากนางเสาวนี บุญตา อายุ 39 ปี ได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของยาบ้า และเป็นคนวานให้นายอุทัย เอาไปส่งให้จริง นายอุทัย ไม่รู้เรื่อง และตำรวจได้ปล่อยตัวมาชั่วคราวก่อน จนกว่าจะมีการสอบสวนเสร็จสิ้นถ้าไม่ยุ่งเกี่ยวจริงอาจจะกันมาเป็นพยาน
ซึ่งคำสารภาพดังกล่าวสร้างความโล่งใจให้กับครอบครัวนายอุทัย เป็นอย่างมาก ชาวบ้านและญาติต่างดีใจเอาด้ายมาผูกข้อมือเพื่อเรียกขวัญ โดยเฉพาะ น.ส.วันทนา บุญตา อายุ 33 ปี ภรรยาถึงกับน้ำตาหลั่ง ดีใจที่สามีไม่ได้ทำจริงตามที่ตำรวจกล่าวหามาก่อนหน้านี้ว่าได้ร่วมกันกับนางเสาวนี ค้ายาบ้า
โดยนายอุทัย จงใจงาม บอกว่า ดีใจที่ป้าที่วานฝากของเอาไปให้ผู้ป่วยโควิด ในโรงพยาบาลออกมาสารภาพ เพราะตนไม่รู้เรื่อง อาศัยใจซื่อคนรู้จักกันในหมู่บ้าน จึงยอมไป ส่วนลูกสาวจะไปไหนด้วยกันอยู่แล้ว ประกอบกับตนเขียนหนังสือไม่เป็น จึงให้ลูกสาวเขียนให้หากเจ้าหน้าที่ให้เขียน ตนมีอาชีพขายปลา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด.
ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์