บุรีรัมย์ ป้าถูกกล่าวหาส่งยาน้ำตาหลั่ง ดีใจพ้นผิด ตำรวจรวบแล้วหัวโจก

ป้าที่ถูกกล่าวหาค้ายาบ้า ถึงกับร่ำไห้ หลังจากตำรวจจับแก๊งค้ายาได้ยกแก๊ง ทั้งคนขายและคนซื้อ เผยไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาสาเอาไปส่งเพราะ ทั้งคนสั่งและคนที่ตนวานส่งต่อ เป็นน้องเขยของตัวเอง ขณะสามีต้องหยุดงานมาดูแลภรรยาเพราะเครียดที่ชาวบ้านตราหน้าว่า”ค้ายา”

วันที่ 28 ต.ค. 2564 กรณีพยาบาลโรงพยาบาลสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พบของฝากต้องสงสัย ที่จะส่งต่อไปให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลสตึก  กระทั่งตำรวจมาตรวจสอบ พบว่ามียาบ้า อยู่ในซองยาเส้นจำนวน 8 เม็ด ที่ซ่อนมาในยาเส้น พร้อมกับมะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย และกาแฟ ต่อมาตำรวจได้จับกุม นายอุทัย จงใจงาม อายุ 39 ปี และนางเสาวนี บุญตา อายุ 39 ปี ทั้งสองอาศัยอยู่ในคุ้มประมง ต.สตึก อ.สตึก ฐาน”ร่วมกันค้ายาบ้า” หลังสืบทราบว่านางเสาวนี เอาอาหารซุกด้วยยาบ้าที่ได้รับฝากมาจากชายแปลกหน้า แล้ววานให้นายอุทัย เอาไปส่งให้นายอนุชา หรือแดง บุญจันทร์ อายุ 41 ปี อยู่ คุ้มชาวประมง ที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสตึก เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา

 

การจับกุมดังกล่าว สร้างความเศร้าใจให้กับครอบครัวของนายอุทัย และนางเสาวนี เป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเสพยา และรู้เรื่องยาเสพติดมาก่อน แต่กลับโดนคดียาเสพติด  โดยต่อมาตำรวจได้นำหมายศาลไปจับกุมผู้ป่วยรายหนึ่ง หลังรักษาโควิดหายแล้วที่โรงพยาบาลสตึก โดยให้การรับสารภาพว่า ได้สั่งยามาจากนายสุบรรณ หรือแป๊บ โฉมหน้า อายุ 26 ปี ชาวคุ้มประมง ต.สตึก เพื่อเอามาเสพระหว่างการรักษาตัว จนกระทั่งล่าสุดตำรวจ ได้ออกหมายจับและสามาราถจับกุมตัวนายแป๊บ ได้แล้ว แต่นายแป๊บ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยนำทนายส่วนตัวมาขอสู้คดี และไม่ให้การใดๆกับพนักงานสอบสวน จะขอให้การในชั้นศาลอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามนางเสาวนี ซึ่งก่อนหน้านี้ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันค้ายาเสพติด กับนายอุทัย ระหว่างเลี้ยงควายอยู่ทุ่งนา โดยนางเสาวนี เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ตนดีใจมาก ที่ผ่านมาตนหากินสุจริต ไม่เคยคดโกงใคร ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ยอมรับว่าเสียใจที่สุดในชีวิต เพราะคนที่วานให้เอาอาหารซึ่งตนไม่รู้ว่ามียาเสพติด ไปส่งให้คนซึ่งเป็นน้องเขยของตนเอง และตนได้วานให้นายอุทัย เป็นน้องเขยของตนเช่นกัน เอาไปส่งให้

ตอนนั้นไม่เคยคิดอะไร เพราะทั้งหมดเป็นญาติกัน เมื่อป่วยต้องรักษาตัว ต้องให้การช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านยังเข้าใจว่าตนขายยา รู้สึกเสียใจมาก ไม่กล้ากลับบ้านตอนกลางวันกลัวคนถาม ส่วนหนึ่งยังเชื่อบาปบุญคุณโทษ ใครทำอะไรก็ได้รับกรรมตามนั้น หลังจากนี้เข็ดแล้ว จะไม่รับฝากของให้ใครอีกเด็ดขาด

ขณะที่นายแสวง ในทอง อายุ 51 ปี สามีนางเสาวนี บอกว่า ตอนนี้ตนต้องหยุดงาน เพื่อมาดูแลความรู้สึกของภรรยา เพราะคิดมาก ไม่อยากให้ภรรยาเสียใจมากกว่านี้ พยายามปลอบใจ แต่คิดว่าไม่นานทุกอย่างจะปกติ.

 

ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ด่วน! มติสมช.ตัดไฟ-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา มีผลพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า
สหรัฐขานรับปานามายุติโครงการ Belt and Road กับจีน
สวนสัตว์รัสเซียจัด ‘ปาร์ตี้แพนด้า’ รับตรุษจีน
จีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สหรัฐมีผล 10 กุมภาพันธ์
เพจดังแฉ! สส.ปชน. พ้อผลเลือกตั้งอบจ. แพ้เยอะ เหตุ “ด้อมส้ม” ลงคะแนนผิดเอง
เอลซัลวาดอร์เสนอใช้คุกตัวเองขังนักโทษอเมริกัน
ครม.เห็นชอบ ตามข้อเสนอ "พิพัฒน์" ขยายต่ออายุใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว “กัมพูชา-เมียนมา” อีก 6 เดือน “ลาว” 3 เดือน
ชาวบ้านปากน้ำ หอบหลักฐาน พร้อมเงิน ร้องกกต. สอบซื้อเสียงเลือกนายกอบจ.
"มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์" ลุยเหนือ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กนักเรียนตชด. ในพื้นที่ห่างไกล
"นิพนธ์" สะท้อนปมบัตรเสีย-โหวตโน เลือกอบจ.มีสูงมาก แนะกกต.เร่งศึกษาป้องกันปัญหาอนาคต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น