สยบทุกความเคลื่อนไหว ชัดเจนแล้วสำหรับการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เมื่อบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์สื่อหลังการประชุมเสร็จสิ้น โดยยืนยันว่า ทุกอย่างเรียบร้อย ตำแหน่งทุกตำแหน่งยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงในโอกาสหน้าหรือไม่ “ก็แล้วแต่คุณจะคิด” “ผมบอกไม่เปลี่ยนแปลงก็จบแล้ว” ส่วนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงมีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ไม่รู้ พร้อมย้อนถามว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐจะทำงานร่วมกับนายกฯได้หรือไม่ พลเอกประวิตร ตอบว่า ได้ นายกฯก็ทำเรื่องของนายกฯสิ เดี๋ยวจะมาว่าก้าวก่ายพรรคอีกและยืนยันว่านายกรัฐมนตรีกับร้อยเอกธรรมนัสไม่มีปัญหาการทำงาน เพราะธรรมนัสเขาทำงานเรื่องพรรค เค้าไม่มีปัญหาอะไรกันหรอก
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เปิดใจหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคฯ ยืนยันว่าปัญหาทุกอย่างยุติลงแล้ว และมั่นใจว่าสมาชิกจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ส่วนจำเป็นจะต้องเคลียร์ปัญหากับแกนนำพรรคคนอื่นๆ ที่ยังค้างคาใจกันอยู่หรือไม่นั้น คงไม่ต้องมีการพูดคุยเรื่องเก่ากันอีก ตามที่หัวหน้าพรรคต้องการให้ปัญหาทุกอย่างจบที่ตนเอง แล้วเดินหน้าทำงาน โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ส่วนจะต้องปรับเปลี่ยนท่าทีของตัวเองตามที่มีเสียงสะท้อนออกมาจากแกนนำและ ส.ส.บางส่วนหรือไม่ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า คงไม่ต้องปรับเปลี่ยนใดๆ โดยแต่ละคนก็ทำงานของตัวเองต่อไป
ทั้งนี้ หากเลขาฯ พรรคยังคงเป็นคนเดิม จะทำงานร่วมกับนายกฯได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ขอให้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จะพูดคุยกันเอง โดยตนจะขอทำงานตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย พร้อมปฏิเสธตอบถึงกระแสข่าวนายกฯ ต่อสายตรงเพื่อพูดคุยถึงปัญหาความขัดแย้ง
การทิ้งปมคาใจนี้ไว้ ก็ทำให้สังคมอดคิดไม่ได้ว่า การขัดแย้งบาดหมางรุนแรงระหว่าง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั้นคงร้าวลึกเกินเยียวยา สังเกตท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับ นายกฯ และ พรรคจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสเลี่ยงที่จะตอบเรื่องนี้เพื่อผูกมัดตัวเอง
เราจะไปชนวนเหตุแห่งความขัดแย้ง อะไรทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจปลด ร.อ.ธรรมนัส และ นางนฤมล ออกจากคณะรัฐมนตรี ที่มีหลายเรื่องหลายประเด็น ที่ความบาดหมางในรอบ 4 เดือนเศษที่ผ่านมา
ระหว่างศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา เมื่อ 31 ส.ค.- 3 ก.ย. ร.อ.ธรรมนัสถูกจับได้ว่าสมคบคิดกับนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค รมช.แรงงานในขณะนั้น แจกกล้วยลิงจ้างพรรคเล็กวางแผนล้มพล.อ.ประยุทธ์ระหว่างศึกซักฟอกที่ผ่านมา กะให้น็อคคาเก้าอี้กลางสภา ด้วยเหตุไม่พอใจที่บิ๊กตู่ไม่เห็นหัวไม่ให้ราคาไม่ยอมอัพเกรดตำแหน่งรัฐมนตรีเกรดเอให้เสียที แม้จะเป็นใหญ่เป็นโตได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคตั้งแต่ 18 มิ.ย.2564 แต่เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาก็ถูกเฉยเมยมาตลอด
ขณะที่กระแสข่าว รัฐมนตรีบางคน รับงานนายใหญ่ดูไบ เดินหน้าล้มกระดาน บิ๊กตู่ แล้วมาสานสัมพันธ์กับพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เพื่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ดันพี่ใหญ่ 3 ป. ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ขัดตาทัพ ในช่วงที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เดชะบุญคนดีผีคุ้มอย่างนายกฯ ที่ล่วงรู้แผนการดังกล่าวก่อน ที่สุดพล.อ.ประยุทธ์ก็แก้เกมส์จนสามารถหาทางรับมือทันทำให้รอดพ้นไม่ตกม้าตายคาเก้าอี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมาอย่างฉิวเฉียด
แต่ร่อยรอยความบาดหมางที่เกิดขึ้นก็จับสัญญาณได้จาก การให้สัมภาษณ์ของ บิ๊กตู่ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา “วันนี้ที่เป็นข่าวมีอยู่ 2-3 เรื่องคือการโหวตล้มนายกฯ ถ้ามันจริงผมถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ เวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาทำอย่างนั้น ทำไปเพื่ออะไร ผมเข้ามาก็ทำงาน 100% ทุกเรื่อง ดังนั้นที่มีข่าวว่าจะไปรวมคะแนนเสียงโหวต จริงไม่จริงผมไม่ทราบ ผมถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ส่วนที่ 2 อาจมีการปล่อยข่าวว่าผมจะยุบสภา ทุกคนก็ตื่นตระหนก และไปพูดทำนองเรื่องของกำลังคน ทำให้นายกฯไม่มีอำนาจยุบสภา และเรื่องที่ 3 มีการแอบอ้างหรือเปล่า ผมยืนยันว่าทุกเรื่องแอบอ้างทั้งสิ้น” นายกฯกล่าว
สำคัญในประเด็นที่ 3 มีการแอบอ้างเบื้องสูง เพื่อไปสร้างความชอบธรรมให้โหวตคว่ำนายกฯ อันนี้ที่ผูกใจเจ็บให้บิ๊กตู่ จนยากที่จะปั้นหน้านั่งทำงานร่วมกันในคณะรัฐมนตรีได้ นำมาสู่การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน
หลังเกิดเรื่องร้าวฉานงามหน้ารับรู้ทั้งแผ่นดินแทนที่ร.อ.ธรรมนัสกับนฤมลจะสำนึกตัวรู้สึกผิด กลับตั้งหน้าตั้งตาเอาคืนวางแผนล้างแค้นพล.อ.ประยุทธ์ไม่หยุดหย่อน ทั้งเป่าหูยุพี่ใหญ่ 3 ป.ให้แตกหักไม่กินเส้นกับน้องเล็กบูรพาพยัคฆ์อย่างพล.อ.ประยุทธ์ จนเกือบทำให้ทั้งคู่งอนตุ๊บป่องกันมาแล้ว แต่สุดท้ายลุงป้อมลุงตู่ก็คุยกันได้จูบปากกันหวานชื่น ก่อนจะมีประโยคทองคำออกมา “เสี้ยมให้ตาย 3 ป.ก็ไม่มีวันแตกจากกัน” จากปากบิ๊กตู่ ส่วนบิ๊กป้อมก็บอกว่า “ผมกอดคอกับนายกฯ สนิทสนมกันมา 50 กว่าปี ข่าวออกมา บ้าบอทั้งสิ้น จำไว้ ให้ตายจากกัน เรา 3 ป. ถึงจะเลิกรักกัน”
ล้มเหลวจากเรื่องคว่ำนายกฯเสร็จก็วางแผนดึง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยาอดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก คนดังวงการขี้ม้าที่เป็นลูกพี่เก่า มาผนึกกำลังกับตัวเองวางตัวเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ตั้งกำแพงป้องกันการเข้ามาล้วงลูกของพล.อ.ประยุทธ์จนทำให้ในพรรคปั่นป่วนกันไปหมด เพราะเดิมทีตำแหน่งนี้เขามีไว้ให้กับนักการเมืองอาวุโสพวกแก่พรรษาเขี้ยวการเมืองในพรรค เพราะต้องนั่งคุมเกมส์วางแผนการเลือกตั้ง แต่ดันไปเอาพล.อ.วิชญ์ที่เป็นทหารไม่เคยยุ่งการเมืองมาดูทำเอาส.ส.ในพรรคงงเป็นไก่ตาแตกกันไปหมด
เท่านั้นไม่พอความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรก จู่ๆก็ไปยุพล.อ.ประวิตรให้ไปดึง 4 กรมกระทรวงเกษตรฯ ที่ตัวเองเคยรับผิดชอบดูแลสมัยเป็นรมช.เกษตรฯ ประกอบด้วย 1.กรมพัฒนาที่ดิน 2.กรมฝนหลวงและการบินเกษตร 3.สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และ 4. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่เดิมอยู่ในการกำกับดูแลของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้มาขึ้นกับบิ๊กป้อมแทน งานนี้เลยทำให้เกิดไฟลุกกลางรัฐบาลเพราะฝ่ายปชป.ไม่ยอมถึงขั้นเรียงแถวออกมาอัดแหลกไร้มารยาทไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล รอบก่อนช่วงเดือนเม.ย.ก็เคยถูกร.อ.ธรรมนัสขี่คอเรื่องแบ่งพื้นที่จังหวัดดูแลมาครั้งนึงแล้ว ที่ร.อ.ธรรมนัสไปหยิบชิ้นปลามันขอดูแลไข่มุกอันดามัน จ.ภูเก็ต กวาดหัวเหนียวพื้นที่เกรดเอของพรรคสะตอไปหมด เพราะเล่นผนวกเอา จ.นครศรีธรรมราช กับ จ.สงขลาไปด้วย ที่สุดพล.อ.ประยุทธ์ต้องกลับลำยกเลิกคำสั่งคุมจังหวัด เช่นเดียวกับเซตซีโร่คืน 4 กรมให้ปชป.เพื่อลดความขัดแย้ง
ต่อมาเกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสาน แทนที่ร.อ.ธรรมนัสจะเคลียร์คิวให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐให้ผู้แทนของตัวเองลงไปสนับสนุนลงไปต้อนรับนายกฯระหว่างลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านแจกของน้ำท่วม แต่เจ้าตัวดันเหิมเกริมหนักเพราะดันจัดหมายลูกพี่ป้อมวางตารางพล.อ.ประวิตรให้ตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ชนกับนายกฯแบบจังๆ บ่าย 22 ก.ย.พล.อ.ประยุทธ์ลงดูโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนเพชร จ.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐดันจัดหมายให้พล.อ.ประวิตรลงดูการบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ จ.อยุธยา สุดท้ายปลายทางก็ถูกสื่อจับไปเป็นประเด็น 2 ป.ลงพื้นที่วัดบารมีทางการเมือง พรรคพลังประชารัฐก็ถูกด่ารัฐบาลก็ถูกตราหน้าว่าทำไมคุณมึงไม่คุยกันก่อน
ส่วนการเมืองในพรรคตั้งแต่ขึ้นเป็นใหญ่ร.อ.ธรรมนัส ก็สยายปีกแผ่บารมีใช้อำนาจสร้างความไม่พอใจให้กับผู้แทนหลายเรื่อง ไล่ตั้งแต่การส่งคู่ซี้บิ๊กอายอย่างนฤมลเข้าไปคุมส.ส.กทม. 12 คนของพรรค อ้างไม่มีเวลาเพราะลงพื้นที่เลยมอบหมายให้นฤมลมาดูแทน แต่คนที่มาดูแลเมืองหลวงก็ไม่รู้งานการเมือง รับปากเรื่องอะไรก็เอาไปทำให้ไม่ได้เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจปัญหาที่ผู้แทนในพื้นที่สะท้อนมา
ล่าสุด ฟางเส้นสุดท้าย ที่ ส.ส. ในพรรค โดยเฉพาะภาคใต้ สุดจะทน ในการอ้างชื่อ ลุงป้อม หัวหน้าพรรค ให้ทำโพลล์สำรวจความนิยมส.ส.คาดว่าจะนำมาสู่การเช็คบิลส.ส.ใต้ ที่ซูฮกให้บิ๊กตู่ เมื่อครั้งศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยอ้างผลสรุปผ่านเกณฑ์มาตราฐานตราแป้งมันแค่ 4 คนที่เหลือสอบตกหมด งานนี้เกือบสำเร็จแต่สุดท้ายก็มาโป๊ะแตกเพราะพล.อ.ประวิตรออกมาให้สัมภาษณ์ ไม่เคยสั่งทำโพลล์ ไม่มีใครสั่งเพราะยังไม่มีเลือกตั้ง ถ้าเลือกจริงก็ให้ส.ส.เก่าลงก่อน งานนี้หน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ เพราะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะแถมถูกลุงป้อมตัดหางปล่อยวัดแบบหมอไม่รับเย็บ ทั้งหลายทั้งมวลคือวีรกรรม 4 เดือนเศษของร.อ.ธรรมนัสหลังขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคเมื่อ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา สร้างเรื่องร้าวฉานเผาบ้านตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ไม่แปลกที่ทุกก๊วนทุกมุ้งในพรรคพลังประชารัฐเห็นตรงกัน ไปต่อไม่ไหวหมดเวลาของร.อ.ธรรมนัสแล้ว
แต่ที่สุดผลการประชุมกรรมการบริหารพรรค ก็ถือเป็นที่สุดแล้ว คือ ทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นปมขัดแย้งต่างๆ ขอให้จบ ขอให้ฟังเพียงแค่หัวหน้าพรรคคนเดียว นายกฯก็บริหารรัฐบาล บิ๊กป้อม ธรรมนัส ก็บริหารพรรคไป ต่างคนต่างทำงาน ฟังดูง่าย ฟังดูดี แต่ข้อเท็จจริงแล้ว จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องร้อนๆที่เราต้องติดตามกันต่อไป
