วันที่ 29 ต.ค. 2564 ชาวบ้าน ต.หนองตาด ,พระครู อ.เมือง และต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร่วมกันนำกระสอบทราย มาปิดกั้นฝายน้ำล้น”ลำโบย” เพื่อต้องการเพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้น หลังจากคาดว่าหลังจากนี้จะไม่มีฝนตกลงมาอีกแล้ว ซึ่งการกั้นน้ำดังกล่าว จะทำให้ปริมาณน้ำ”ลำโบย”ตั้งแต่ฝายน้ำย้อนไปถึงหัวน้ำ ความยาวประมาณ 2 กม. จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร จากที่กั้นขึ้นประมาณ 80 ซม.
นายสมบูรณ์ ซารัมย์ สส.พรรคภูมิใจไทย บุรีรัมย์ ระบุว่า การเพิ่มระดับน้ำด้วยการใช้กระสอบทราย เป็นการลงทุนต่ำ แต่ผลตอบแทนสูง โดยปกติชาวนาส่วนใหญ่ของภาคอีสาน จะทำนาได้ปีละ 1 ครั้ง พอเสร็จสิ้นจากฤดูทำนา จะว่างงาน ไม่มีรายได้ เพราะมีอาชีพเดียวคือ”การทำเกษตร” ซึ่งที่ผ่านมาน้ำของฝายลำโดย จะใช้ได้ไม่นานก็แห้งเกษตรกรไม่กล้าปลูกผักหน้าแล้ง เพราะน้ำส่วนหนึ่งจะต้องเอาไว้ให้วัว-ควาย กินเช่นเดียวกัน ตอนนี้ยังมีน้ำเหลือจากนาข้าวของเกษตรกรที่กำลังปล่อยออกมาไหลลงลำห้วย จึงมีแนวคิดที่จะกั้นเอาไว้ใช้ การเพิ่มปริมาณน้ำขึ้นอีก 80 ซม.จาก 2 กม.จะได้น้ำเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 100,000 ลบม.
เกษตรกรใน 3 ตำบล ที่มีที่ดินติดกับ”ลำโบย”จะสามารถปลูกพืชใช้น้ำน้อยเช่น ผัก ข้าวโพด ในหน้าแล้งนี้ได้ จะทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีชลประทาน,และสำนักงานเกษตรจังหวัดมาส่งเสริมการปลูกพืชอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพโดยรวมของสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดบุรีรัมย์ในปีนี้ ถือว่ามีน้ำท่วมขังเป็นบางพื้นที่ ที่เป็นที่ลุ่มต่ำ แต่ไม่ท่วมหนักเหมือนจังหวัดอื่นๆ จากข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ มีนาข้าวของเกษตรกรได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมปีนี้ประมาณ 130,000 ไร่ จากพื้นที่ปลูก 1.3 ล้านไร่ หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกนาข้าว มีพืชไร่ (อ้อย,มันสำปะหลัง)ได้รับความเสียหายประมาณ 20,000 ไร่ จากพื้นที่ปลูกประมาณ 700,000 ไร่ หรือประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์.
ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์