29 ตุลาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ว่าพรรคเพื่อไทย ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกันกับที่นายจอม เพชรประดับได้พูดเอาไว้ ให้เปลี่ยนเป็นพรรคพวกชินวัตร
และก็ทราบดีว่าพรรคเพื่อไทยมีนายทักษิณครอบงำมาตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย เป็นพรรคของตระกูลชินวัตรอยู่แล้วและไม่มีเรื่องอะไรที่น่าตกใจหรือแปลกใจที่เอานางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊งลูกสาวคนเล็กมาเป็นที่ปรึกษาพรรค ไม่มีอะไรเกินความคาดเดา
ส่วนคนที่ยังอยู่ในพรรคเพื่อไทย ก็เหมือนกับพนักงานบริษัทที่กินเงินเดือนจากบริษัทชินวัตร แต่สิ่งสำคัญคือนายทักษิณไม่มีวันที่จะปล่อยหรือไม่มีวันที่จะ หยุดครอบงำพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
นายเสกสกล ยังรู้สึกเห็นใจคุณอุ๊งอิ๊ง ที่เข้ามาเล่นการเมือง เพราะนายทักษิณกำลังสร้างตราบาปให้กับคนในครอบครัว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่ายอดีตรัฐมนตรีหลายคนที่ติดคุกติดตะราง
และการที่คุณอุ๊งอิ๊ง เข้ามาเล่นการเมือง ก็จะถูกครอบงำ ชักใย หรือเป็นการสืบทอดอำนาจ เป็นทายาทอสูร ซึ่งสิ่งที่ตนเป็นห่วงคือกลัวว่าจะเจอวิบากกรรมเหมือนนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ เพราะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นพ่อสอนอย่างไรจะไปทำตามและสุดท้ายคุณอุ๊งอิ๊งจะไม่มีความคิดของตัวเอง ถูกครอบงำ ซึ่งคุณอุ๊งอิ๊งยังเป็นเด็ก ยังมีอนาคตไกล ไม่อยากต้องมาเจอกับประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ส่วนข้อแตกต่างของคุณอุ๊งอิ๊ง และนางสาวยิ่งลักษณ์ เห็นอยู่ข้อเดียวคือความเป็นคนรุ่นใหม่ แต่สิ่งที่วิตกกังวลถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่หากย้อนไปสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ถูกมองเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ไม่สามารถตัดสินใจในการบริหารราชการแผ่นดินได้ด้วยตัวเอง ถูกครอบงำโดยนายทักษิณและคุณเยาวภา ต้องทำงานภายใต้คำสั่งการกำกับดูแลของพี่น้องแม้กระทั่งการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย เพื่อที่จะเอานายทักษิณกลับบ้านจนเกิดปัญหาวุ่นวายในบ้านเมือง
“เช่นเดียวกันกับการให้คุณอุ๊งอิ๊งมาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคสุดท้ายก็จะถูกครอบงำ ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรที่จะตัดสินใจเอง เนื่องจากมีทั้งพ่อ และอา สั่งการอยู่เบื้องหลัง”
นายเสกสกลยังระบุถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เป็นคนที่ตนเองรู้จักดี เป็น ส.ส.พรรคไทยรักไทยมาด้วยกัน โดยมองว่าหมอชลน่านคือลิ้วล้อ แค่หมากตัวหนึ่งของคุณทักษิณ แค่พนักงานบริษัท ไม่ได้ให้ราคากับการมาเป็นหัวหน้าพรรค
ขณะที่คณะกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้พรรคเพื่อไทยหรือพรรคชินวัตร เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเพราะรู้ว่าพรรคนี้มีเป้าหมายคือการอยากเข้ามามีอำนาจรัฐ หาทางออกกฎหมายล้างความผิดให้คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ และพากลับประเทศ
“คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย สุดท้ายไม่ได้มีวิสัยทัศน์หรือมีความคิดที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นที่พึ่งพาของประชาชน และอย่าหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นที่พึ่งพา ฝากผีฝากไข้กับประชาชนได้ เพราะพรรคเพื่อไทย หรือพรรคชินวัตร เพียงต้องการเข้ามามีอำนาจรัฐ และออกกฏหมายหาทางช่วยคุณทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ เท่านั้น
สำหรับหัวหน้าพรรค ขึ้นเวทีแทนที่จะใช้วิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ประชาชนได้ชื่นชม แต่ก็ใช้วาทะตำหนินายกฯ บริหารงานไม่ดี เพียงแค่เริ่มต้นเป็นหัวหน้าพรรค ยังใช้วิธีการเล่นการเมืองแบบน้ำเน่า ไม่รักษาคุณภาพและกิริยาทางการเมืองของคนเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ ตนเองมองว่าแบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองรุ่นใหม่ตามที่พรรคตั้งไว้ ยังเป็นนักการเมืองน้ำเน่าโสโครกที่ใช้พฤติกรรม เดิมๆ”
นายเสกสกลยังระบุถึงความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคยืนยันนายกฯ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคหรือสมาชิกพรรค ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง การปรับปรุงพรรค ของพรรคการเมืองยังถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อใกล้เวลาจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งทุกพรรคก็ต้องมีกลยุทธ์มีกลวิธีในการวางแผนกับการเตรียมการในการสู้ศึกเลือกตั้งในเวลาที่เหลืออีกปีเศษ ดังนั้นการบริหารจัดการในแต่ละพรรคก็ต้องขยับตามปกติ