วันที่ 29 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบเป้าหมายการให้บริการวัคซีน โควิด-19 ในเดือนพ.ย.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศเพิ่มเติม 16 จังหวัด ที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในระยะที่สอง (1-31 ธ.ค.2564) ประกอบด้วย เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี อยุธยา ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลาและนราธิวาส ขณะเดียวกันประชาชนจะต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ทุกคน รวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้น ในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม และในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาครบ 2 เข็ม โดยห่างจากเข็มที่ 3 อย่างน้อย 6 เดือน และในผู้ที่เคยติดเชื้อ โควิด-19 ช่วงเดือน ธ.ค.2562-มี.ค.2564 ส่วนแผนการจัดสรรวัคซีน โควิด-19 ปี 2564 ข้อมูล ณ วันที่ 29 ต.ค.2564 รวมวัคซีนแอสต้า ไฟเซอร์ และโมเดอร์นาที่จะมาในช่วงเดือนพ.ย-ธ.ค.ทั้งหมดรวม 128.6 ล้านโดส
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่ประชุม ศบค.ยังรับทราบแนวทางปฎิบัติการจัดกิจกรรมลอยกระทงในวันที่ 19 พ.ย.นี้ โดยผู้จัดงานและเจ้าหน้าที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนด ควบคุมผู้เข้าร่วมงานไม่ให้แออัดจนเกินไป จัดให้มีจุดลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากงาน รวมถึงมีการกำหนดการเว้นระยะห่างการนั่งชมการแสดง ขณะที่การจัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ระหว่างวันที่ 18-20 พ.ย.ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กำหนดให้มีการจัดงานแบ่งเป็น 3 โซน และจำกัดผู้เข้าชมไม่เกิน 15,000 ต่อวัน โดยจะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยให้ได้ร้อยละ 70 รวมถึงการจัดงานลอยกระทงที่สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี และบริเวณคลองโอ่งอ่าง.