ตรรกะป่วยๆ หิวแสง ของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ล่าสุดอยากมีบทแสดงให้แสงส่อง บรรจงโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเขียนข้อความแขวะไปถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ย้ำให้รับผิดชอบในคำพูดที่ว่าจะลาออกจากตำแหน่ง กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใจความตอนหนึ่งระบุว่า..
“กล้าทำ ต้องกล้ารับผิดชอบ ในบรรดา 8 กรรมการบริหารพรรคที่เป็นข่าวเซ็นใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อกดดันให้มีการเปลี่ยนเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มี 6 คนที่เป็นรัฐมนตรี คือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน อนุชา นาคาศัย ชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ สุชาติ ชมกลิ่น และ อิทธิพล คุณปลื้ม โดยใน 6 รัฐมนตรีดังกล่าว มีคนเดียวที่ปริปากให้สัมภาษณ์ว่าเซ็นใบลาออกแล้ว คือ สุชาติ ชมกลิ่น ส่วนอีก 5 รมต. แม้บางคนจะแสดงอาการฟึดฟัดไม่พอใจเลขาธิการ บอกว่าจำเป็นต้องเปลี่ยน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานใบลาออก หรือ คำที่หลุดออกจากปากสักคำว่าจะลาออก..
…คุณสุชาติ จึงควรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเนื่องจากได้กล่าววาจาชัดเจนต่อสาธารณะ ยกเว้นต้องการแสดงออกให้สังคมเห็นว่านี่คือ มาตรฐานของ รัฐมนตรีชุดนี้ ที่มีปากจะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ”
ทว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ การพูดคุยตกลงกันเองภายใน การตัดสินใจจะทำหรือไม่ทำอะไร จึงไม่น่าจะเป็นธุระของ “นายสมชัย ศรีสุทธิยากร” ที่มุ่งหมายเพียงเพื่ออยากจะเห็นความแตกแยกในรัฐบาล โดยการสุมไฟเติมเชื้อ หวังให้ความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐ ทวีความรุนแรง
.
คนปกติทั่วไป คงจะได้เห็นกันว่า ที่ผ่านมาการแสดงตัวของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร มีลักษณะผิดแปลกไปไม่ใช่เป็นการติชม หรือเสนอความเห็นในลักษณะของความสร้างสรรค์ ดังนั้นการออกมา เสนอความเห็นสั่งให้ “นายสุชาติ ชมกลิ่น” แสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดโดยการลาออกเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องประสงค์ร้ายแบบชัดเจน ไม่มีนัยยะใดๆแอบแฝง
.
ขณะที่ต่อมา “นายสุชาติ ชมกลิ่น” ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประหนึ่งตั้งใจจะยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในรอบสัปดาห์ โดยไม่มีวาจา ต่อความยาวสาวความยืด.. ใจความตอนหนึ่งระบุว่า..
.
“การอยู่ร่วมกันในสังคม อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ต้องอยู่อย่างมีกติกา และต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสำคัญ เมื่อเราเป็นลูกน้อง เป็นคนที่เดินตามข้างหลังจะไปกระด้าง กระเดื่อง ทำอะไรเกินหน้าเกินตา คงไม่ดีนัก ทุกคนมีเหตุผลภายใต้การตัดสินใจ เช่นเดียวกัน ผมก็มีเหตุผลของผม ทว่าคนตัดสินใจเด็ดขาดไม่ใช่ผม ก็ขอเพียงจุดมุ่งหมาย และผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเรื่องดีต่อทุกคน ดีต่อส่วนรวม แค่นั้นก็สามารถตอบโจทย์การเชื่อฟังและทำตามผู้บังคับบัญชา ได้แล้ว เพียงแค่ขอให้อะไรๆมันดีขึ้นเพื่อส่วนรวมจริงๆ”
ว่าไปแล้ว …”สุชาติ ชมกลิ่น” คนนี้ ก็คือคีย์แมนคนสำคัญ ในการทำหน้าที่ขุนพลข้างกาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซ้ำยังได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในวัยเพียง 46 ปี นั้นเพราะเล็งเห็นถึงฝีไม้ลายมือ และศักยภาพในการทำงานในทุกมิติ
นับตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2563 หลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็เกิดปรากฏการณ์ สำคัญๆมากมายด้านการเข้าช่วยเหลือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน ด้วยนโยบายที่ตอบโจทย์ ภายใต้อุดมการณ์ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับของกลุ่มสหภาพแรงงานต่างๆทั่วประเทศ นั่นก็เพราะบุคลิกนิสัยส่วนตัวเป็นคนใจถึงพึ่งได้ เอาตัวเองลงไปคลุกคลีอยู่กับปัญหา และเร่งแก้ไขทันที หมายรวมไปถึงการพลิกฟื้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 จากร้าย กลายเป็นดี ทั้งด้านการฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตน การเพิ่มจุดพักคอยให้กับผู้ติดเชื้อ และมาตรการเยียวยาเงินให้กับผู้ประกันตน ..เหล่านี้ “สุชาติ ชมกลิ่น” ได้ดำเนินการอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ถึงแม้ที่ผ่านมา ความขัดแย้งคิดเห็นไม่ตรงกันภายในพรรค จะทำให้เค้า ต้องออกมาแสดงเจตนารมณ์ จุดมุ่งหมายของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่พึงทำได้ แต่ท้ายที่สุดในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา การวางตัว “ไม่กระด้างกระเดื่อง” เชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้าพรรค โดยยึดหลักส่วนรวมเป็นสำคัญ นั้นยิ่งแสดงให้เห็นว่า “สุชาติ ชมกลิ่น” มีวุฒิภาวะ และมีศักยภาพ ที่เพียบพร้อมเพียงพอที่จะดำรงทุกตำแหน่งหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบ อย่างสง่าผ่าเผย
และเมื่อมองย้อนกลับไปยัง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ก็จะเห็นภาพฉายชัดว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆเฝ้าแต่จับประเด็นโหนกระแส ถีบตัวเองให้มีที่ยืนในสังคม ซ้ำร้ายข้อมูลทุกรอบที่พยายามนำมาเสนอ ล้วนแล้วมุ่งหมายเติมเชื้อไฟหวังเผาฝ่ายรัฐบาลให้ไหม้เป็นจุล … จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ “นายสุชาติ ชมกลิ่น” จะต้องไปดิ้นตามตรรกะป่วยๆ ของ อดีต กกต. ที่ เคลื่อนไหวภายใต้ อคติส่วนตัว!
