การชุมนุมครั้งนี้ มุ่งหมายให้หยุดใช้กฎหมายเล่นงานผู้เห็นต่างหยุดอำนาจเผด็จการ เพื่อทำลายประชาธิปไตย โดยมีมวลชน ทยอยเดินทางเข้าพื้นที่ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ซึ่งภายในงานมีการตั้งบูทแสดงกิจกรรมของเครือข่ายต่างๆ รวมทั้งป้ายคัตเอาท์แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ติดตั้งตามข้างถนนตลอดแนว และมีการตั้งโต๊ะลงชื่อเข้าชื่อเพื่อยกเลิกกฎหมาย ม.112 ที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี
ต่อมาเวลา 15.30 น.ได้มีการปิดถนนราชดำริ จากแยกประตูน้ำถึงราชประสงค์ โดยมวลชนที่จะเข้าพื้นที่สามารถเข้าได้ทางเดียวคือบริเวณแยกราชประสงค์ เท่านั้น มีการวัดอุณภูมิคัดกรองโควิด 19 ขณะที่ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางมาที่ยังสถานที่ชุมนุม พร้อมเปิดเผยก่อนกิจกรรมจะเริ่มว่า คาดว่าจะมีมวลชนเข้ามาร่วมเยอะ วันนี้ม็อบจุดติดอีกครั้ง คาดหวังว่าจะสะเทือนบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อให้ทราบว่าเจตจำนงเราต้องการอะไร และที่ผ่านมาแนวร่วมอาจมีอาการแผ่วบ้าง จากการสังเกตและพูดคุยกับคนที่มาร่วมชุมนุมมาจาก 2 ปัจจัยคือสถานการแพร่ระบาดไวรัสโควิดและสภาพเศรษฐกิจไม่ดีและไม่มีเงินเดินทางมาร่วมชุมนุม
ต่อมาเวลา 16.00 น. ตามเวลานัดหมายผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร และเครือข่ายแนวร่วม อาทิ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก กลุ่มสลิ่มกลับใจ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี สหภาพคนทำงาน เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และ We Volunteer ร่วมกันจัดกิจกรรมชุมนุม “ราษฎรประสงค์ยกเลิก 112” โดยได้ทำการปิดจราจรถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกราชประสงค์ไปจนถึงแยกประตูน้ำ พร้อมทั้งรณรงค์เชิญชวนประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อเสนอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อรัฐสภา และเรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวชั่วคราวแก่นักกิจกรรมที่ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง
ต่อมาเวลา 18.30 น. น.ส.ปนัสยา พร้อมกับคณะแกนนำแนวร่วมกลุ่มราษฎร อ่านแถลงการณ์ที่หน้าเวทีปราศรัย ใจความว่า “ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการที่จะผนึกกำลังประชาชนทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ ในการผลักดันยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อรัฐสภา และเรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวชั่วคราวแก่นักกิจกรรมที่ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง พวกเรากลุ่มราษฎรจะใช้แรงกายแรงใจอย่างเต็มกำลังเพื่อรวบรวมพลังประชาชนเดินหน้ายกเลิก ม.112
จากนั้น น.ส.ปนัสยาได้ใช้ใบมีดโกนกรีดแขนซ้ายบริเวณด้านหลังแขนใกล้กับข้อมือเป็นเลขอารบิก 112 และกรีดเส้นทับเลขดังกล่าวแนวเฉียง ต่อหน้าผู้ชุมนุมเพื่อแสดงในเชิงสัญลักษณ์
ต่อมา เวลาประมาณ 20.50 น. ผู้ชุมนุมได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาโบกธงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งชุมนุมบางส่วนรวมตัวที่แยกมักกะสัน ขว้างปาประทัดและพลุเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งแนวอยู่ที่ซอยรางน้ำอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-10 นาที จากนั้นทางมวลชนได้ล่าถอยออกจากพื้นที่ไปทางประตูน้ำ ท่ามกลางประชาชนที่ใช้รถสัญจรไปมา ส่วนเจ้าหน้าที่ได้ยิงกระสุนยางตอบโต้ และใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วของตำรวจชุดควบคุมฝูงชน หรือ คฝ.ติดตาม กระทั่ง เวลา 21.40 น. เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมวลชนได้ 2 คน เหตุการณ์ในพื้นที่ทั้งแยกราชปรารภ และแยกมักกะสันกลับมาสงบอีกครั้ง ไม่พบมวลชนรวมตัวในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดวางกำลังหนาแน่นขึ้น
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าว เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านนมา สื่อหลายสำนักประโคมข่าวว่า มากันนับหมื่นนับแสน ซึ่งแม้แต่กลุ่มผู้จัดงานเองก็อ้างว่า มีผู้ร่วมลงชื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กว่าหมื่นราย ขณะที่หน่วยความมั่นคงของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุชุดว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าร่วมครั้งนี้เพียง 1,000 รายเท่านั้น