ถึงแม้ว่าสมรภูมิแยกดินแดงที่มีเหล่าขาโจ๋ เด็กแว้นท์มาก่อความวุ่นวายถี่ๆรายวัน ปัจจุบันจะเบาบางลง จนแทบไม่มีให้เห็นอีกเลย ท่ามกลางการทำงานภายใต้ยุทธวิธีเข้าถึงปัญหาในหลายมิติ ของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทว่าตอนนี้ยังตรึงกำลังเฝ้าดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้พูดถึงความรู้สึกขณะเข้ารับตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง และมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลตอนนี้ว่า ….
“ในความคิดผม เห็นว่าความคิดเห็นทุกคนต่างกันได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง การชุมนุมตอนนี้กฎหมายยังให้ชุมนุมไม่ได้ เพราะมี พ.ร.บ.โรคติดต่อ มี พ.ร.บ.การชุมนุมอยู่ ตำรวจยึดกฎหมาย ถ้าเขามีสิทธิ กฎหมายก็บอกว่า ถ้ามาชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับเขา”
“พอการชุมนุมไม่สงบ ก็เป็นหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องทำให้การชุมนุมนั้นสงบ ไม่ลุกลาม โดยจะขอหมายศาล หรืออะไรก็ว่าไป ส่วนอาวุธที่ใช้อยู่ในรายการ 48 รายการ ตามท้ายประกาศ มีข้อกำหนดชัดเจน ต้องเข้าปราบปราม ระงับยับยั้งให้ได้”
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา บอกด้วยว่า “ตอนนี้ภาพรวม ขาโจ๋ ป่วนดินแดง ต้องถือว่าโอเค คือทุกคนก็ยอมรับว่ามันดีขึ้น ผมถามชาวดินแดงแล้ว ที่ผ่านมา เขาอาจจะเห็นตำรวจอยู่ฝ่ายตรงข้ามเคยไปจับเขา ไปทำอะไรเขา แต่พอเริ่มสงบขึ้น ผมก็เข้า ไปถาม ผมว่าร้อยละร้อย คือผมไม่อยากจะว่าอย่างนั้น แต่ผมถามทุกคนเขาบอกว่า พอใจในสภาพแบบนี้ เพียงแต่ว่าตำรวจจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน เราก็ต้องทำควบคู่กันไป
“ขณะนี้ตำรวจอยู่กับพี่ ที่ผ่านมาพี่ไม่กล้า ก็เหมือนผู้ใต้บังคับบัญชาผมนี่แหละที่เกิดความกลัว ไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้พอตำรวจเข้าไปอยู่ด้วย เขาเริ่มมั่นใจต่อไปเขาก็ต้องเป็นหูเป็นตาให้ตำรวจ ถึงตอนนั้นสังคมก็จะกลับเข้ารูปเดิม แล้วจะค่อยๆ ถอนตำรวจออกมา”
“แต่ถ้าตำรวจ ออกไปแล้ว อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ก็ต้องมีแผนรองรับ แต่คงจะอยู่ตลอดไม่ได้ เราต้องคืนตำรวจให้กรุงเทพฯ กับประชากรที่อื่น พื้นที่กรุงเทพฯ ตั้ง 1,166 ตารางกิโลเมตร ถ้าผมจำไม่ผิด ประชากรที่มีสัมมโนประชากร 5 ล้านกว่า ประชากรแฝงอีก นักท่องเที่ยวอีก รวมแล้วเกือบ 10ล้าน หรือ 10 กว่าล้าน”
ต่อข้อถามที่ว่า พล.ต.ท.สำราญ นวลมา หนักใจไหม ที่การชุมนุมแล้วมีการไปพาดพิงสถาบัน พล.ต.ท.สำราญ เปิดใจว่า อยากขอร้องอยากให้ทำตามกฎหมาย ดูกฎหมาย ตัวเราเอง เราก็ไม่อยากให้ใครมาทำทเรามีสิทธิ หน้าที่ แต่อย่าดูที่สิทธิอย่างเดียว ต้องดูหน้าที่ด้วย สิทธิเรามีแค่ไหน ทำตามสิทธิ แต่การใช้สิทธิ ต้องไม่กระทบกับสิทธิของคนอื่นเขา ยึดกฎหมายไว้
“ถ้า พ.ร.บ.การชุมนุม ก็ชุมนุมได้ คุณก็ชุมนุมตามกฎหมาย เราอย่ามองว่าคนที่ชุมนุมเป็นคนหมู่มาก อาจจะไม่ใช่ ก็ได้ คนที่เขาไม่ได้มาแสดงออกก็ต้องมีมากกว่า อย่างน้อยฝ่ายรัฐบาล เขาต้องมากกว่าไหม เพราะเขาชนะเลือกตั้งเข้ามา แล้วทำไมมีคนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับ ผมมองอย่างนี้นะ”
และที่ผ่านมาถึงแม้ตำรวจจะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมองว่าเป็นศัตรูอยู่ฝ่ายตรงข้าม ทว่าในความรู้สึกนึกคิดของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กลับมีความเป็นห่วงเป็นใย น้องๆเยาวชนทุกคนเสมอเหมือน
“ผมไปคุยกับน้องๆ 70 คน ได้คุยเกือบครบ ส่วนใหญ่ที่น่าเป็นห่วงคือตามเพื่อนมา เพื่อนรับมา มาช่วยเพื่อน แต่ถามว่า ไม่ชอบฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ น้อยคน เจอรอบล่าสุด 76 คน ผมไปคุยนะ ผมเจอมาว่า แค่คนเดียว ที่บอกว่า ทำไม คฝ.ต้องยิงไอ้นู่น ไอ้นี่ ใส่ผม”
“เราก็ทำความเข้าใจกันว่าเราไม่ได้โกรธกัน เรามาว่ากันใหม่ คุยกันใหม่ว่าตอนนี้ยังชุมนุมไม่ได้ การมาทำอย่างนี้ เป็นการทำผิดกฎหมายการใช้อาวุธ ใช้ระเบิดยิ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่ยิ่งกว่าอีก เป็นห่วงว่าต่อไปเขาถูกจับกุม อนาคตจะเสียหาย ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ว่ากันไปตามระบบ ผมเป็นห่วงเยาวชน มากกว่า”
