วันนี้ (5 พ.ย.2564) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ปัตตานี ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินค้าน้ำมันเถื่อน โดยจับกุมได้ที่ย่านห้วยขวาง ระหว่างหลบหนีคดี
คดีนี้ เมื่อปี 2555 เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้จับกุมนายสหชัย ที่ จ.ปัตตานี พร้อมยึดของกลาง เป็นเงินสด 46 ล้านบาท น้ำมัน 2,000 ลิตร แต่พบหลักฐานการซื้อขายน้ำมันเถื่อน จำนวน 500 ล้านลิตร พร้อมบัญชีจ่ายผลประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จึงดำเนินคดีเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อน และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน โดย นายสหชัย หลบหนีมากบดานอยู่ย่านห้วยขวาง ตำรวจจึงวางแผนเข้าจับกุมไว้ได้ พร้อมเตรียมประสาน ปปง.ให้ยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ต่อไป
คดีของเสี่ยโจ้ ปัตตานี ถูกเปิดเผยเนื่องจาก มีการเปิดโปงขบวนการทำผิดกฎหมายหลายๆ มาตราของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง และพวก พร้อมทั้งมีการยึดของกลางทั้งเงินสด และทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และ 1 ในประเด็นสำคัญมีการระบุว่ามีเงินที่มาจาก “ส่วยน้ำมันเถื่อน” อยู่ด้วย โดยมีชื่อของ “เสี่ยโจ้” นายทุนค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติรายใหญ่ของภาคใต้ที่มีฐานที่มั่นอยู่ที่ จ.ปัตตานี เข้ามาเกี่ยวข้อง
“เสี่ยโจ้” เป็นชื่อที่คนทั่วไปรู้จัก และเรียกขาน เขามีชื่อสกุลจริงว่า “นายสหชัย เจียรเสริมสิน” อายุ 46 ปี เป็นคนที่มีพื้นที่เดิมๆ จาก จ.เพชรบุรี แต่กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรม ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นธุรกิจค้าไม่ต่อเรือประมงรายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งไม้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศลาว
“เสี่ยโจ้” เป็นที่รู้จักกันดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจใน อ.เมือง จ.ปัตตานี ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน จากการเป็นเจ้าของแพปลา ต่อมา ได้พัฒนาเป็นเจ้าของโต๊ะพนันฟุตบอล และหวยเถื่อน ซึ่งเป็นธุรกิจนอกกฎหมายที่ทำในช่วงแรกๆ หลังจากที่เรียนจบจากโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ในกรุงเทพฯ
และหลังจากนั้น เขาได้รู้จักเจ้าของเรือประมงเป็นจำนวนมากที่เข้าเทียบท่า และนำเรือขึ้นคานเข้าอู่ซ่อม จนพบช่องทางในการค้าไม้เพื่อใช้กับอู่ต่อเรือ และซ่อมเรือ ซึ่งไม้ส่วนใหญ่ที่ใช้นำเข้าจากประเทศมาเลเซียไม่มีคุณภาพที่ดีพอ เขาจึงได้สั่งไม้จากบริษัทค้าไม้ที่ จ.สมุทรสงคราม มาขายให้แก่พ่อค้าไม้ใน จ.ปัตตานี
หลังหลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2557 มาถึงวันนี้ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี ก็ถูกจับตัวมาดำเนินคดีได้ในที่สุด