วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชายหาดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ บรรยากาศคึกคักหลังจากมีประชาชนจำนวนมากนำอุปกรณ์จับสัตว์น้ำ เช่น อวน แห จับสัตว์ทะเลจำนวนมากที่ลอยขึ้นหายใจ เนื่องจากมีปัญหาน้ำเบียด ตั้งแต่บริเวณบริเวณท่าเทียบเรือสะพานปลาตลอดแนวถึงริมกำแพงวังไกลกังวล ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ระยะทางราว 2 กิโลเมตร โดยมีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพด้วยความสนใน ขณะที่ชาวบ้านสามารถจับปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาสร้อย ปลากระเบน ปลาฉลาม ปลาดุกทะเล กุ้งและปูม้าเพื่อนำกลับไปประกอบอาหาร ขณะที่บางรายนำไปจำหน่ายให้แม่ค้าหารายได้เสริม
นายพยอม สะมาสิ อายุ 63 ปี กล่าวว่า หลังจากมีน้ำทะเลเบียดได้นำแหกับอวนไปจับปลา แต่น้ำขึ้นเร็วทำให้จับปลาได้ลำบากและได้ปลาไม่มาก แต่จับปลาสร้อยได้ 1 ตัวน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม นักท่องเที่ยวเห็นก็ขอเข้ามาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นมีชาวบ้านขอซื้อไปประกอบอาหารในราคา 250 บาท ด.ช.อรรถสาร ดิวแดช อายุ 12 ปี กล่าวว่า มากับครอบครัวที่ทำอาชีพประมงชวนกันมาวางอวนปูได้ปูประมาณ 10 กิโลกรัม ส่วนใหญ่จะเป็นปูม้าและปลาตัวเล็กติดอวน เพื่อนำไปประกอบอาหารที่บ้าน
นอกจากนี้มีชาวประมงนำเรือไฟเบอร์ขนาดเล็ก ออกไปจับสัตว์น้ำน้ำหนัก 50-100 กิโลกรัม โดยมีชาวบ้านมารอรับซื้อ เพราะราคาจำหน่ายต่ำกว่าท้องตลาด โดยเฉพาะปูม้าราคา 200 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาในตลาด 250 – 400 บาท ทั้งนี้ชาวบ้านและชาวประมง ได้เฝ้าติดตามน้ำเบียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีปรากฏการณ์น้ำเบียดที่ชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี สำหรับปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากมีฝนตกหนักจากพื้นที่ใกล้เคียงทำให้มีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากไหลลงสู่ทะเล จนปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “น้ำเปลี่ยนสี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “น้ำเบียด-น้ำกัน” ส่งผลให้น้ำทะเลมีค่าออกซิเจนที่น้อยลง สัตว์ทะเลจึงลอยขึ้นเหนือน้ำเพื่อหายใจ และหลังจากนี้หากไม่มีฝนตกต่อเนื่องสถานการณ์ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สำหรับสัตว์ทะเลที่นำไปบริโภคชาวบ้านยืนยันว่าไม่มีผลกระทบเนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติเกิดขึ้นทุกปี
ศวิษฐ สำราญรมย์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ประจวบคีรีขันธ์