“ไพบูลย์” แนะ กกต. ตรวจสอบพรรคการเมือง-นักการเมือง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่?

“ไพบูลย์” แนะ กกต. ตรวจสอบพรรคการเมือง-นักการเมือง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ ด้าน “คำนูณ” ระบุจะชี้ผิดนักการเมือง ร่วมม็อบปฏิรูปสถาบันไม่ได้ ต้องดูพยาน-หลักฐาน แยกรายกรณี

มื่อวันที่ 10 พ.ย. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้ข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันของแกนนำคณะราษฎร เข้าข่ายการกระทำที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งให้เลิกการกระทำรวมถึงการกระทำของเครือข่ายว่า คำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะทำให้เกิดความมั่นคงในสถาบันของชาติ และผลคำวินิจฉัยดังกล่าวจะมีผลผูกพันต่อทุกองค์กรทั้งตำรวจ, อัยการ และศาลยุติธรรมด้วย ดังนั้นในความเห็นทางกฎหมายตนมองว่าหากพบบุคคลที่กระทำพฤติกรรมตามที่ศาลวินิจฉัย เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาว่ามีพรรคการเมืองใดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายด้วยหรือไม่ เพราะจะโยงกับลักษณะของมาตรา 92(1) และ (2) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนกรณีที่มีผู้เตรียมเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นต้องพิจารณารายละเอียดว่ามีผลกระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ก่อนหน้านี้พบนักการเมืองเข้าร่วมการชุมนุมที่เข้าข่ายเป็นพฤติกรรมตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยจะมีความผิดด้วยหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน คือกกต.ต้องพิจารณา แต่จะเข้าข่ายผิดหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี โดยทางกฎหมายนั้นตนมองว่ามีฐานที่พิจารณาได้คือ ความผิดตามกฎหมายอาญา และ ผิดจริยธรรมของนักการเมือง ที่กำหนดให้เป็นค่านิยมหลัก ต่อการยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ

ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา. กล่าวว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวถือว่าเป็นที่สุด และมีผลผูกพันกับทุกองค์กร ให้ปฏิบัติตาม ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ยุติการกระทำ ไม่ใช่เฉพาะผู้ถูกร้องทั้ง 3คน เท่านั้น ยังรวมถึงองค์กรเครือข่ายด้วย และไม่ใช่ให้ยุติการกระทำเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เท่านั้น แต่รวมถึงเหตุการณ์ต่อเนื่องและสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต

เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยของศาลมีผู้มองว่าขัดขวางเสรีภาพประชาชน นายคำนูณ กล่าวว่า การใช้สิทธิเสรีภาพตามมาตรา 49ของรัฐธรรมนูญ ต้องไม่เป็นสิทธิเสรีภาพที่มีผลล้มล้างการปกครองในระะบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และใครที่พบเห็นสามารถยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามกระบวนการ และศาลมีอำนาจให้ยุติการกระทำได้

“เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำตามที่ร้องมานั้น เป็นสิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง จึงถือว่าเข้าข่ายมาตรา 49 หากจะใช้สิทธิเสรีภาพเรื่องอื่นสามารถใช้ได้ แต่การใช่เสรีภาพที่ล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายคำนูณ กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการเสนอเสนอแก้กฎหมาย มาตรา112 จะถือว่าเข้าข่ายคำวินิจฉัยหรือไม่ นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าต้องดูการกระทำเป็นเฉพาะกรณีไป ไม่อาจแปลความเกินได้ และไม่ควรตีความเกินคำวินิจฉัยต้องอยู่ในกรอบการปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อที่คณะราษฎรประกาศไว้ และการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง การกระทำที่เกี่ยวเนื่องเป็นกรณีๆไป ทั้งนี้ตนยังไม่เห็นคำวินิจฉัยฉบับเต็มจึงขอไม่แสดงความเห็น

เมื่อถามว่ากรณีที่มีนักการเมืองเข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าวมีสิทธิถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้หรือไม่ นายคำนูณ กล่าวาว่า ส่วนตัวมองว่าแล้วแต่พยานหลักฐานอีกครั้งและต้องดูเป็นรายกรณี

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เลือกตั้งสหรัฐ: รัฐนิวแฮมป์เชอร์เปิดเลือกตั้งเป็นรัฐแรก
เลือกตั้งสหรัฐ: โพลนิวยอร์กไทม์สให้แฮร์รีสชนะสวิงสเตท
เลือกตั้งสหรัฐ: รู้จัก 7 รัฐสวิงสเตทกันให้มากขึ้น
"เลือกตั้งสหรัฐ" รัฐนิวแฮมป์เชอร์ เปิดเลือกตั้งเป็นรัฐแรก
"กษิต" แจงยิบสาเหตุ รบ.อภิสิทธิ์ยกเลิก MOU 44 แต่ไม่สำเร็จ หนุนเจรจาต่อ ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก
"จับผับลับห้วยขวาง" ลอบเปิดให้บริการ จัดเต็มแสง สี เสียง รวบ 26 นักเที่ยวจีนมั่วยา
ระทึก หกล้อขนถังแก๊ส เสียหลักพลิกคว่ำขวางถนนเชียงใหม่-แม่ออน กลิ่นแก๊สกระจายทั่วบริเวณ
"นักร้องสาวมาเลย์" พร้อมพวก ส่อวืดประกันนอนคุก หวั่นหลบหนีคดีไม่กลับมาขึ้นศาลตามนัด
ศาลนนทบุรี สั่งจำคุกหนุ่มใหญ่ 6 ปี 36 เดือน ผิดคดี 112 โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง
ตร.ปคบ.หอบสำนวน 7000 หน้า ส่งฟ้องคดีหลอกขายทอง “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ให้กับอัยการแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น