จากกรณีโลกออนไลน์แชร์จดหมายลาออกของครูสาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการถูกสั่งให้ทำเอกสารประเมินที่มากเกินความจำเป็น และไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเรียนการสอน รวมทั้งยังระบุว่าไม่สามารถปฏิบัติการสอนในช่วงเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดให้ได้ผลสำเร็จคุ้มค่ากับเงินภาษี ซึ่งเป็นการสะท้อนปัญหาของครูทั่วประเทศ จนหลายสำนักข่าวนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปนำเสนอ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านดอนพลอง ต.วังเมือง อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เพื่อสอบถาม นางกรวรรณ บุญทันเสน หรือครูเก่ง อายุ 39 ปี ตำแหน่งครู คส 1 สังกัด สพป.นครสวรรค์ เขต 2 ถึงการตัดสินใจลาออก
โดย นางกรวรรณ กล่าวว่า ตนเคยมีความฝันว่าอยากไปเป็นครูสอนหนังสือเด็กๆ อยู่บนดอยแล้วเราก็ได้สอน กระทั่งมีครูคนหนึ่งซึ่งเป็นคนในพื้นที่เข้ามาเป็นครูเพราะเส้นสาย เมื่อมาเป็นครูแล้วไม่ได้สอนเด็กอย่างเต็มที่ ตนจึงเสียความรู้สึกเพราะเราสอนเด็กเพื่อให้นำไปต่อยอดความสามารถ แต่ครูคนใหม่กลับไม่สนใจ พอถึงเวลาประเมินเด็กปรากฎว่าเด็กนักเรียน ป.1 อ่านไม่ออก ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กเรียนดีที่สุดในห้องก็ตาม เป็นเพราะครูคนดังกล่าวไม่ได้สอนนักเรียนตามหลักสูตร ทั้งที่ตนบอกไปแล้วว่าต้องใช้หลักสูตรอะไร แต่ครูรายดังกล่าวก็ไม่สนใจ เมื่อตนได้เข้าไปบอกก็ถูกข่มขู่ต่อว่า แล้วยังใส่ร้ายตนจนผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเกลียดชัง
ตนจึงไปปรึกษาผู้ใหญ่ของโรงเรียน และเจ้าหน้าที่กระทรวง เรื่องร้องเรียนพฤติกรรมของครูรายดังกล่าว แต่ทุกคนบอกว่าให้ตนอดทน ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ตนอดทนมาโดยตลอดจนทนไม่ไหว ประกอบกับเวลาประเมินครูต้องทำเอกสารผ่านตัวอักษร จึงมองว่าเป็นการเสียเวลาและเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ อีกทั้งในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดต้องสอนนักเรียนผ่านระบบออนไลน์ แต่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนไม่ค่อยมีความพร้อมทำให้เด็กได้ความรู้ไม่เต็มที่ ตนจึงตัดสินใจยื่นใบลาออกด้วยเหตุผลที่แทบจะไม่เคยมีครูคนไหนเขียน และรู้สึกดีใจที่ได้ระบายในสิ่งที่ตนอยากพูด ซึ่งหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับครูในรุ่นต่อไป ส่วนหนังสือลาออกจะมีผลวันที่ 2 ธ.ค.นี้