ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP5 ทางเฟชบุ๊กส่วนตัว “ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” เป็นการคุยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อจาก EP 4
นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้ชักชวนพี่น้องประชาชนว่า โปรดได้ติดตามความเคลื่อนไหว ของกลุ่มบุคคล ที่มีความคิด ที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เวลาผ่านมา 1 สัปดาห์เราเห็นชัด พวกหนึ่งก็สุดโต่งมาก ถึงขนาดว่า ต้องยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไปเลย ไม่ให้มีอีกต่อไป อีกพวกหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายพรรคการเมือง ก็ประกาศว่า จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยย้ายจากหมวดความผิดต่อรัฐ ต่อ ความมั่นคงรัฐ หรือ ต่อความมั่นคงต่อราชอาณาจักร ไปไว้ในลักษณะความผิดอื่น ที่เป็นการเฉพาะ เพราะว่าต้องการที่จะให้มีโทษเบาลง แล้วประกาศชัดอีกว่า ถ้าหากผู้ใดกระทำการวิพากษ์ วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต หรือ ติชมโดยสุจริต ไม่ต้องรับโทษในฐานะ ที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 เรียกว่ายกเว้นโทษให้คนที่จะไปวิพากษ์ วิจารณ์ พระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือ รัชทายาท
นายสุเทพ กล่าวว่า ตรงนี้คนไทยไม่ยอม เพราะว่าคนไทยส่วนใหญ่เคารพสักการะ พระผู้ทรงคุณต่อแผ่นดิน ตั้งแต่ประวิติศาสตร์มาจนปัจจุบัน คนไทยกับพระมหากษัตริย์ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แยกกันไม่ได้ ซุปเปอร์โพล ไปสอบถามความคิดเห็น ของประชาชนทั่วประเทศ ปรากฏว่า มีตัวเลขออกมาชัดว่า คนจำนวนถึง 98 %เศษ ที่คิดเห็นเหมือนกัน ลึกลงไปในเรื่องว่า เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย กับการพยายามที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ปรากฏว่า ประชาชนคนไทย 96.1% ไม่เอาด้วย ไม่เห็นด้วย
นายสุเทพ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หลังเดินทางกลับจากการประชุม ระหว่างประเทศ อยู่ที่ ประเทศสกอตแลนด์ กลับมาพล.อ.ประยุทธ์ ก็ประกาศทันทีว่า ไม่ยอมไม่เห็นด้วยไม่ให้ใคร มาแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารประเทศ ต้องทำหน้าที่ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ถึงหน้าที่ของประชาชนคนไทยว่า จะต้องพิทักษ์รักษา สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 50 ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญ ก็ บัญญัติไว้ในมาตรา 52 ว่า รัฐจะต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช สถาบันเกียรติภูมิของชาติ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงท่าที ต้องทำหน้าที่ เรื่องของการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่พูดอย่างนี้ ไม่แสดงอย่างนี้ ถือว่าบกพร่อง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ผมรู้สึกเป็นห่วง ผู้ที่กำลังเคลื่อนไหวสนับสนุนให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผมคิดว่าผู้ที่เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. เป็นพรรคการเมืองมีกฎหมายเยอะแยะ ที่ควรจะไปแก้ไข ปรับปรุง เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ไม่น่าที่จะมาทำเรื่องกฎหมายนี้ พรรคการเมือง นักการเมือง ที่ยังดึงดัน ที่จะผลักดัน ที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คิดว่า จะต้องถูกคนไปร้องเรียน อาจจะไปร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ร้องเรียนต่อศาลฎีกา หรือ แม้แต่ไปร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดีอาญา คนที่ทำไปแล้ว ดูหมิ่น ให้ร้ายต่อพระมหากษัตริย์ไปแล้ว ก็ถูกดำเนินคดีอยู่ แค่ไปขึ้นเวทีไปสนับสนุน ไปชุมนุมด้วยก็ผิดนะ ไม่ใช่คนที่เสนอให้แก้ แต่เป็นคนที่ไปพูดจาสนับสนุน เกิดปัญหาได้
นายสุเทพ กล่าวว่า มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ถ้าผู้ใดกระทำด้วยวาจา หนังสือ หรือ วิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ มีโทษจำคุก มีองค์ประกอบไว้ว่า ถ้าการกระทำนั้น ทำให้เกิดปั่นป่วน กระด้าง กระเดื่อง ในหมู่ประชาชน เป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มีโทษจำคุกสูงถึง 7 ปี อย่าไปคิดว่าผมมาข่มขู่ แต่เป็นการแสดงคิดเห็นในฐานะที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ผมเจอมาแล้ว ผมไปชุมนุมเดินขบวนปี 2556-2557 ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้ข้าราชการหยุดทำงานรับใช้ระบอบทักษิณ ไม่เป็นเครื่องมือให้เขาทำการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่เป็นเครื่องมือให้เขาใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่เป็นธรรมอีกต่อไป และให้มาร่วมชุมนุมกับประชาชนแค่นี้ เข้าข่ายความผิดมาตรา116 ว่า เป็นการกระทำที่ไม่ใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ
“ผมเคยพบเคยเห็น เคยมีประสบการณ์ ก็เอามาบอกเล่าให้ท่านทั้งหลายที่กำลังเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ว่า โปรดมีสติยั้งคิดสักนิด ไม่สนุกเลยเรื่องติดคุก ผมไปมาแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกผม 5 ปี วันนั้นมีปัญหาเรื่องการประกันท่านไม่ให้ประกัน ผมต้องไปอยู่ในคุก 3 วัน 2 คืน กินข้าวในคุก นอนในคุกมาแล้ว ทุกข์ยากมาก บอกเลยครับ หลีกเหลี่ยงได้ เปลี่ยนใจเถอะ ผมเป็นห่วงน้อง ๆ ที่มาเดินขบวน ต้องระวังว่าการกระทำทุกอย่างมันต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ผมเดินขบวนอยู่กับพี่น้องประชาชน เป็นหมื่นเป็นแสน ทุกข์ยากอย่างไรก็ยังรู้สึกอบอุ่น ถูกประทุษร้ายด้วยอาวุธมีคนบาดเจ็บ 800 – 900 คน มีคนเสียชีวิต 24 คน ทุกข์มากตอนนั้น แต่ก็ยังรู้สึกว่า มีพวก อบอุ่น ตอนสู้คดี 2 – 3 ปีว้าเหว่มาก เหลือกันไม่กี่คน ยิ่งตอนติดคุกยิ่งว้าเหว่ เพราะฉะนั้นถ้าผมพูดอะไร แล้วทำให้ท่านทั้งหลายได้คิด ได้สติก็ได้โปรดระลึกว่า ด้วยความหวังดีจริง ๆ ผมสู้กับระบอบทักษิณ แต่สิ่งที่ท่านกำลังทำ คนไทยไม่ยอมหรอกครับเรื่องนี้ ท่านเห็นแก่ความสงบสุขของประเทศคิดว่า ต้องยับยั้งชั่งใจเปลี่ยนใจ เพราะว่าจะเป็นชนวนให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ท่าน กับ ประชาชนส่วนใหญ่ของแผ่นดินที่จะนำความยุ่งยากลำบากมาทุกฝ่าย” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ผมอยู่ฝ่ายที่ไม่เอาด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ประเทศไทยถ้าเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่คิดว่าเราจะรักษา ความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันไว้ได้ ผมไม่คิดว่า เราจะรักษาเอกราชของประเทศไว้ได้ มีตัวอย่างเกิดขึ้นในหลายประเทศทั้งที่อยู่ใกล้บ้านเราและไกลออกไป เมื่อไรที่แตกแยกเป็นประเทศเล็ก ๆ น้อย ๆ ในที่สุดก็ถูกต่างชาติเข้ามาครอบงำ ประเทศไทยเป็นของเราทุกคน ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันคิดช่วยกันให้สติทำสิ่งดี ๆ ให้กับบ้านเมืองคนที่คิดดีแล้วก็มีกำลังใจ และเดินหน้าทำกันต่อไปผมอยู่ข้างเดียวกับท่านครับ