ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1629/2564 ที่พนักงานอัยการ สํานักงานคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา อายุ 35 ปี ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112, ยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯกรณีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563 จำเลยร่วมปราศรัยในการชุมนุม “เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย” หรือม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวนายอานนท์ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาฟังการพิจารณา
ด้านนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความของนายอานนท์ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในเหตุการณ์ชุมนุมแฮร์รี่พอตเตอร์ ซึ่งนายอานนท์ได้ขึ้นปราศรัยเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานมาแล้ว ส่วนฝ่ายจำเลยได้เตรียมพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุทั้งหมด 90 ลำดับ นำมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่นายอานนท์ได้ปราศรัยในวันนั้นเป็นไปโดยสุจริตและมีข้อเท็จจริงรองรับ ไม่ได้มีเนื้อหาที่เป็นการดูหมิ่นสถาบันแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่า การจัดชุมนุมของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยองและ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เสนอปฏิรูปสถาบัน เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง ได้มีการพูดคุยกับนายอานนท์หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ ตอบว่า ได้พูดคุยเพราะตนเป็นทนายความจึงได้เข้าไปเยี่ยมหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว แต่ขอเรียนอย่างนี้ว่าตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคท้ายระบุไว้ว่าการดำเนินการไม่กระทบกระเทือนต่อการดำเนินคดีอาญา นั่นหมายความว่าการพิจารณาคดีอาญาจำเป็นต้องพิจารณาตามองค์ประกอบในทางอาญาที่ทางกฎหมายกำหนดไว้ ไม่ใช่ว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วจำเลยในคดีอาญาจะผิดเลยหรือถูก ขอยกตัวอย่างกรณีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ต่อมาเมื่อมีการดำเนินคดีอาญาก็มีแกนนำหลายคนที่ถูกพิพากษาลงโทษเหมือนกัน ดังนั้นแล้วความผิดในทางอาญากับความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต้องแยกออกจากกัน จะมีแค่บางส่วนที่นำมาเป็นพยานหลักฐานได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลกับการดำเนินคดีในวันนี้หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ ตอบว่า ในคดีนี้ไม่มีความกังวลเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 3 ส.ค. 2563 แต่เป็นการวินิจฉัยในเหตุการณ์ของวันที่ 10 ส.ค. 2563 ดังนั้นจึงเป็นคนละเหตุการณ์อยู่แล้ว และนายอานนท์ก็พร้อมที่จะต่อสู้คดี อย่างไรก็ตามการที่นายอานนท์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว เวลาตนไปปรึกษาหารือ ส่งเอกสาร และไม่สามารถเอาคลิปวีดีโอต่างๆ ไปปรึกษาแนวทางการสู้คดีกับนายอานนท์ได้ ทำให้การต่อสู้ของนายอานนท์ในคดีนี้เป็นไปได้ด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง
ต่อมาเวลา 12.00 น. หลังศาลตรวจพยานหลักฐานเสร็จสิ้น นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความประจำศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้ฝ่ายโจทก์ขอสืบพยาน 18 คน ส่วนฝ่ายจำเลยขอสืบพยาน 23 คน หนึ่งในนั้น ฝ่ายจำเลยได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี มาเบิกความเป็นพยานด้วย เนื่องจากนายอานนท์ได้กล่าวปราศรัยพาดพิง ถึงคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้ข่าวเกี่ยวกับ กฎหมาย มาตรา 112 และศาลนัดสืบพยานนัดแรก วันที่ 1 พ.ย. 2565