วันที่ 15 พฤษจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลพวงของมวลน้ำขนาดใหญ่ ที่ไหลมาจากจังหวัดนครราชสีมา ลงมาตามลำน้ำมูลผ่านพื้นที่ จ.สุรินทร์ พร้อมกับได้มีพายุโซนร้อนเกิดขึ้นทำให้มีฝนตกกระจายไปหลายพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้จังหวัดสุรินทร์ เกิดน้ำท่วมขังในนาข้าวจมน้ำเสียหายหลายพันไร่ โดยเฉพาะในเขต ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ที่มีพื้นที่ติดลำน้ำมูล น้ำได้เอ่อท่วมขังไร่นามาร่วมเดือนแล้ว จนทำให้ต้นข้าวที่จมน้ำเริ่มเน่าตายไป ซึ่งในบางพื้นที่น้ำเริ่มลด มองเห็นต้นข้าวยืนต้นอยู่และเริ่มออกสีคล้ำใกล้ตาย ชาวบ้านต่างพากันนำเรือพายออกเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ยังคงเหลืออยู่เอาไปตากให้แห้งเก็บไว้รับประทานในครอบครัวต่อไป
ทางด้านนางจันทา ยี่รัมย์ อายุ 59 ปี ชาวบ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่นาตรงนี้ที่พวกตนมาช่วยกันเก็บเกี่ยวมีพื้นที่ 5 ไร่ โดยปกติแล้ว ในพื้นที่ 5 ไร่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ราว 2 ตัน แต่ในปีนี้ได้เกิดน้ำท่วมมากว่า 1 เดือนแล้ว ต้นข้าวเริ่มเน่า ส่วนที่เหลือก็มีแต่เปลือกข้าว ข้างในไม่มีเมล็ด โดยในปีนี้ถือว่าเป็นการท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 10 กว่าปี ซึ่งในปีก่อนๆที่เคยท่วม มันเป็นแค่ทางผ่าน น้ำจะเอ่อท่วมไม่นาน ต้นข้าวจึงไม่เสียหายมาก แต่ในปีนี้น้ำท่วมขังมากว่า 1 เดือนแล้ว สำหรับในพื้นที่ตรงนี้ตนคาดว่าน่าจะพอได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เพราะข้าวไม่มีเมล็ด โรงสีก็คงไม่รับซื้อถึงราคาจะ 3-4 บาท เขาก็คงไม่รับซื้อ คงต้องเองไปตากให้แห้งแล้วนำไปสีมากินเอง ดีกว่าต้องไปซื้อข้าวสารจากพ่อค้าในราคาที่แพง และจากนี้ไปกว่าจะครบปีตนก็ไม่รู้ว่าจะมีข้าวสารพอถึงปีหรือไม่ โดยในปีหน้าน้ำจะท่วมหรือฝนจะแล้งก็บอกไม่ได้จะได้ข้าวอีกหรือไม่ก็ต้องรอลุ้นอีก ในเบื้องต้นทางอำเภอท่าตูมเองก็ได้ลงพื้นที่ชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือที่ทางรัฐบาลได้ออกมาตรการมาแล้วตนก็พอใจ.
ภาพ/ข่าว กฤษดากร กีรติธำรงค์เจริญ / สุทิศ บุญยืน ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์