วันที่ 15 พย. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านแสนสุข ม.5 ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรัมย์ ว่ามีคนร้ายมาหลอกเอาข้าวสารที่สีเสร็จแล้วยกขึ้นรถหนีไปลอยนวล และอยากจะแจ้งเตือนให้เจ้าของโรงสีระวัง เพราะมิจฉาชีพมาหลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนาง อ่อนสา อุประทา อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ม.5 ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของโรงสีข้าวขนาดกลาง กำลังทำการสีข้าวที่ชาวบ้านนำข้าวเปลือกมาให้สี อย่างขะมักเขม้น
นางอ่อนสา เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ของวันที่ 13 พย. 64 ที่ผ่านมา มีสองชายหญิง อายุประมาณ 30-40 ปี สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เดินเข้ามาในโรงสี แล้วบอกกับตนว่า น้าให้มาเอาข้าวสาร ที่เอามาสีไว้ตั้งแต่ตอนเช้า แล้วชี้ไปที่ข้าวสารจำนวน 4 กระสอบที่ตั้งไว้ จึงให้ทั้งสองยกกระสอบข้าวสารที่ใส่ในกระสอบข้าว ทั้งหมด 4 กระสอบ กระสอบละ 20 กก. รวม 80 กก.ให้กับทั้งสองคนขึ้นรถไป แล้วสีข้าวต่อไปโดยไม่คิดเอะใจ ต่อมาเจ้าของข้าวตัวจริงมาถามเอาข้าวที่เอามาสี ตนจึงบอกไปว่าไหนว่าให้คนมาเอา สุดท้ายถึงบ้างอ้อโดนสองคนหลอกเอาข้าวสารไป
นางอ่อนสา กล่าวด้วยว่า ตนเองทำอาชีพเปิดโรงสีข้าวนนี้มา กว่า 20 ปี ไม่คิดว่าจะโดนหลอกเอาข้าวถึงในโรงสี ตนเองไม่รู้จะตามข้าวสารกลับมาให้ลูกค้ายังไง จึงเอาข้าวสารของตนเองแทนให้ลูกค้าไป ลึกๆก็ไม่อยากคิดโกรธแค้นคนก่อเหตุ เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันที่ย่ำแย่อยู่แล้ว หากข้าวที่เขาหลอกเอาไป ถ้าเอาไปหาเลี้ยงครอบครัวที่กำลังขัดสน ตนขออโหสิให้ แต่ถ้าทำเป็นกระบวนการก็ขอให้ถูกจับโดยเร็ว
ด้าน นาง ปิยาพร อุประทา อายุ 45 ปี ลูกสาวของยายเจ้าของโรงสี และเป็นผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.หนองกี่ บอกว่า หลังจากแม่ของตนเองโดนมิจฉาชีพหลอกเอาข้าวสารไป จึงประชาสัมพันธ์ให้ลูกบ้านของตนเอง และคนในชุมชนได้ระมัดระวังเป็นหูเป็นตาบุคคลแปลกหน้า หวั่นกลับมาซ้ำเติมชาวนา หรือโรงสีข้าวเจ้าอื่นๆอีก.
ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์