เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 2 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….ฉบับภาคประชาชน ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ในฐานะผู้เสนอร่างฯได้ชี้แจงรายละเอียดของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถึงเหตุผลที่ต้องยกเลิกมาตรา 279 บรรดาคำสั่ง และประกาศของคสช. รวมถึงการรองรับการกระทำของคสช.ว่าถูกกฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะการออกคำสั่งด้วยมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 นั้น พบว่ามีปัญหาตามมาจำนวนมาก อีกทั้งยังพบบางคำสั่งที่ละเมิดการใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชน ซึ่งในระหว่างนั้นนายชวนได้คอยเตือนเป็นระยะๆ ถึงการใช้คำพูดถ้อยคำหยาบคายไม่เหมาะสม อาทิคำว่า กมลสันดาน และคำว่ามักง่ายในการอภิปรายพาดพิงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายากรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึงยังอภิปรายออกนอกประเด็น
ทำให้นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา ลุกขึ้นประท้วงน.ส.ชลธิชา ว่าพูดวกวนไปมา และมีการใส่ร้าย ทั้งนี้นายชวน กล่าวว่า ที่จริงก็มีการอภิปรายนอกประเด็น แต่ตนเกียรติคนมาชี้แจง อยากทักท้วงตั้งแต่ต้นแต่ให้เกียรติ เพราะเป็นตัวแทนเข้ามา จึงเตือนเฉพาะคำหยาบคาย และไม่เหมาะสม แต่เรื่องนอกประเด็นไม่ได้ท้วงอะไร เพราะให้เกียรติผู้ชี้แจงที่อาจยังเยาว์วัย ในทั้งวัยวุฒิและประสบการณ์ก็อาจจะเตรียมข้อมูลมาอย่างนั้น ซึ่งหลายเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนั้นนายชวนจึงสอบถามน.ส.ชลธิชาว่า “หนูจบได้แล้วมั้ง เวลาหมดแล้ว เพราะเลยเวลาอภิปราย 9 นาทีแล้ว และเรื่องหลังๆก็ไม่ได้เกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ”
ต่อมานายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงประธานที่ประชุมว่า ตนติดใจกับคำว่าเยาว์วัย ซึ่งไม่น่าเกี่ยวข้องกับการอภิปรายหรือชี้แจง ตนคิดว่าไม่น่าใช่ประเด็นที่แสดงถึงวุฒิภาวะหรือความสามารถในการทำหน้าที่ คงไม่ใช่สิ่งที่บอกถึงคุณค่าของเรา
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ลุกประท้วงว่า การอภิปรายนั้นเป็นไปโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่การอ่านโพยที่มีผู้พิมพ์ให้จึงอภิปรายไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้จากนั้นเกิดการประท้วงต่อเนื่องจากส.ส.พรรคก้าวไกล โดยนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า “ส.ว.คนนี้ทำผิดข้อบังคับ และวัดยังเข้าไม่ได้ โดนคดีห้ามเข้าวัดที่จ.พิจิตร ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง”
ทำให้นายชวนต้องวินิจฉัยให้ถอนคำพูดประท้วง เพราะเป็นคำพูดที่ไม่ควรใช้ หากไม่ถอนจะขอให้ออกจากห้องประชุม ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ยอมถอนคำพูดแต่โดยดี แต่พบว่าส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ประท้วงกลับนายชวน เพราะคำพูดที่นายประเสริฐพงษ์ระบุนั้นเป็นข้อเท็จจริงและเป็นคำพิพากษาชัดเจน