เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ( 17 พ.ย.64 ) พ.ต.ต.ณัฐพล ผิวผาด สารวัตรสอบสวน สภ.พนมทวน พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิขุนรัตนาวุธ เข้าตรวจสอบบริเวณคลองชลประทานสายทุ่งทอง-พนมทวน อยู่ในพื้นที่หมู่ 5 ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หลังได้รับแจ้งจากญาติ ว่า นายบุญเลิศ สุริยะ อายุ 46 ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดินชาว อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หายตัวไปอย่างปริศนาหลังขับรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้ายาริส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 1ขช 1720 กรุงเทพมหานคร เดินทางไปดูที่ดินใน จ.กาญจนบุรี จึงประสานบริษัทรถยนต์ให้ช่วยติดตามสัญญาณจีพีเอสของรถยนต์คันดังกล่าว จนไปพบว่าจมอยู่ใต้คลองชลประทานสายทุ่งทอง-พนมทวน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิขุนรัตนาวุธ จึงลงคลองชลประทานเพื่องมค้นหาโดยใช้เวลาไม่นานก็พบรถยนต์จมอยู่ก้นคลองชลประทานตามที่ญาติของนายบุญเลิศ ระบุไว้ เจ้าหน้าที่ต้องนำลวดสลิงไปผูกติดกับท้ายรถยนต์ แล้วใช้รถลากขึ้นมาอยู่ริมฝั่งคลองชลประทาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบกระจกด้านหน้าและหลังคารถมีร่องรอยของการถูกกระแทกจนพังเสียหาย เมื่อตรวจสอบภายในรถพบร่าง นายบุญเลิศ นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่เบาะรถด้านหน้า จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย จึงสันนิษฐานว่า นายบุญเลิศ เสียชีวิตจากการจมน้ำ
สอบถามนางสาวพลอย ซึ่งเป็นญาติของ นายบุญเลิศ เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา นายบุญเลิศ บอกว่าจะเดินทางมาติดต่อซื้อขายที่ดินในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี แล้วขับรถไปเพียงลำพัง ก่อนที่จะขาดการติดต่อกับญาติไปในช่วงค่ำ ทางครอบครัวพยายามออกตามหา นายบุญเลิศ แต่ก็ไม่พบ จึงตัดสินใจประสานขอความร่วมมือจากบริษัทรถให้ช่วยติดตามจีพีเอส รถยนต์ของ นายบุญเลิศ ก่อนที่จะพบสัญญาณรถยนต์ของนายบุญเลิศ อยู่ในคลองชลประทานตรงจุดเกิดเหตุ จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยประสานขอเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยกันค้นหา จนกระทั่งพบรถยนต์และร่างของ นายบุญเลิศ จมอยู่ในคลองชลประทานดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นายบุญเลิศ น่าจะประสบอุบัติเหตุขับรถเสียหลักตกคลองชลประทาน หลังจากเดินทางไปดูที่ดิน ประกอบกับ ถนนเส้นเลียบคลองชลประทาน มีรถสัญจรผ่านไป-มาน้อยมากในช่วงกลางคืนจึงไม่มีคนเห็นเหตุการณ์แล้วโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ พร้อมคาดการณ์ว่า นายบุญเลิศ พยายามดิ้นรนหาทางออกจากตัวรถขณะจมน้ำ แต่ไม่สามารถออกมาได้จึงจมน้ำไปพร้อมรถยนต์ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำชาวบ้านซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียง เพื่อสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของการอุบัติเหตุในครั้งนี้