เมื่อวานนี้ ( 20 พ.ย.64 ) มีรายงานจาก จ.ลำปาง ว่า พบเชื้อไวรัสโควิด-19 กระจายติดพระสงฆ์ และสามเณร ในหลายวัด หลังกลุ่มสามเณรไปร่วมสวดงานศพที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนนำเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดภายใน จ.ลำปาง หลังพบการแพร่ระบาด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จ.ลำปาง จึงออกแถลงการณ์ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นลูกศิษย์วัดบ้านม้าเหนือ ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง อายุ 20 ปี มีประวัติเดินทางกลับมาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นวันที่ 15 พ.ย.64 เริ่มมีไข้ ไอ คัดจมูก และมีผื่นขึ้นตามตัว จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเกาะคา จึงพบว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังทราบข่าวเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เพื่อเร่งสอบสวนโรค พร้อมคัดกรองผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก่อนพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมอีก 2 ราย
ส่วนสามเณรรายแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 มีอายุ 17 ปี อยู่ที่วัดหัวทุ่ง ต.แม่สัน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง มีประวัติเดินทางกลับบ้านไปร่วมสวดงานศพที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ด้วยเช่นกัน กระทั่งวันที่ 6 พ.ย.เริ่มมีอาการตัวร้อน และปวดเมื่อยตามร่างกาย จากนั้นได้เดินทางกลับมาที่วัดใน จ.ลำปาง พร้อมสามเณรรูปอื่นอีก 5 รูป ซึ่งมาทราบภายหลังว่าลูกศิษย์วัดม้าเหนือ ที่นั่งรถกลับมา จ.ลำปาง ด้วยกัน ติดเชื้อโควิด-19 สามเณรทั้ง 5 รูปพร้อมผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 9 ราย จึงไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเขลางค์นคร- ราม ซึ่งพบว่าติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 3 ราย
เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนโรค จึงเดินทางไปวัด 3 แห่งซึ่งพบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ อ.ห้างฉัตร อ.เกาะคา และ อ.เมือง เพื่อเข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกผู้สัมผัสเสี่ยงสูงรวม 76 ราย พบติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 328 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ ส่งผลให้คลัสเตอร์ดังกล่าวมีผู้ติดเชื้อ 9 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องกักตัวและเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดอีกกว่า 400 ราย ทำให้วัดหลายแห่งใน 3 อำเภอต้องปิดประตูวัด โดยบางวัดนำป้ายมาติดป้ายว่าปิดชั่วคราวเพราะต้องกักตัวเนื่องจากเป็นผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยง สำหรับ อ.แม่สอด จ.ตาก ถือเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม แต่กลุ่มผู้ติดเชื้อไม่ใช้มาตรการป้องกันขั้นสู.สุด จึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดเกิดขึ้นเป็นวงกว้างใน จ.ลำปาง