เมื่อวานนี้ ( 22 พ.ย.64 ) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 28 ม.1 บ้านสระพัง ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ หลังได้รับแจ้งจาก นายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนัน ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ว่า นางสำลี ทองดี หญิงชราผู้พิการ อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ถูกบุคคลนำเอกสารหลักฐานมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ โดยอ้างว่าซื้อบ้านของ นางสำลี จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ส่งผลให้ครอบครัวของยายรวม 7 ชีวิตต้องย้ายออกจากบ้านก่อนสิ้นปีนี้ นางสำลี พร้อมครอบครัว จึงไปร้องขอความเป็นธรรมกับกำนัน และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านแท่น
โดย นางสำลี เล่าว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านต้นตระกูลซึ่งถูกสร้างมาเกือบร้อยปี โดยตนเองและสามี ชื่อ นายสิงห์ ทองดี ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว อาศัยอยู่กับลูกรวม 7 คน พร้อมยืนยันว่าไม่เคยนำโฉนดที่ดินหรือนำบ้านไปยื่นกู้ หรือนำไปจำนองกับผู้ใด แต่กลับมีบุคคลมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของคนใหม่ จนตนทำอะไรไม่ถูก จึงแจ้งให้กำนันช่วยตรวจสอบและร่วมพิจารณาตามเอกสาร ซึ่งพบว่าในเอกสารหน้า 1 ระบุไว้ว่ามีสัญญาเงินกู้ โดยโจทก์ยื่นฟ้องสองสามีภรรยา ชื่อ นายถนอม ทองดี กับ นางสำลี ทองดี ซึ่งเคยมีปัญหาเรื่องกู้เงินตั้งแต่ปี 2546 และไม่มีการชดใช้จึงมีการฟ้องศาล กระทั่งเรื่องไปถึงกรมบังคับคดี จึงมีคำสั่งยึดที่ดินหมายเลขโฉนด 15139 ซึ่งมีผู้ครอบครอง ชื่อ นายถนอม และ นางสำลี ทองดี จึงไม่เกี่ยวกับตน เพราะเป็นคนละคนกับที่อยู่ในหมายศาล โดยผู้ถูกฟ้องร้องอยู่หมู่ที่ 1 ต.สระพัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ถัดไป จึงเกิดเป็นคำถามว่าเพราะเหตุใดหน่วยงานราชการ จึงไม่ตรวจสอบก่อนยึดที่ จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยให้ความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของตนด้วย
ด้าน นายจักรพล พงษ์สระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า นางสำลี ทองดี เคยอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนี้จริง โดยมีสามี ชื่อ นายถนอม ทองดี แต่ตอนนี้ นางสำลี ไม่ได้อยู๋ในพื้นที่แล้วเพราะไปทำงานต่างจังหวัด โดยจะกลับมาเยี่ยมญาติในหมู่บ้านปีละ 1-2 ครั้ง ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ต่อยได้พูดคุยกับ นางสำลี มากนัก
ขณะที่ กำนัน ต.สระพัง กล่าวว่า เบื้องต้นได้พาคุณยายพร้อมครอบครัว ไปร้องเรียนที่ ศาลจังหวัดภูเขียว สำนักงานบังคับคดี สาขาภูเขียว ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น อัยการ และสำนักงานอัยการ เพื่อให้ระงับการซื้อขายบ้านหลังดังกล่าว และจะทำหนังสือเชิญทนายความที่ทำเอกสารจนส่งฟ้องศาล และเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีที่ทำการยึดทรัพย์มาร่วมเจรจา เพื่อหาทางออกให้กับคุณยายในเบื้องต้น