โทนี่ ชุง วัย 20 ปี อดีตแกนนำนักศึกษากลุ่มสนับสนุนเอกราชของฮ่องกง ที่เคลื่อนไหวให้ฮ่องกงแยกออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก 43 เดือน ในข้อหาแบ่งแยกดินแดน และการฟอกเงิน โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ชุง นับเป็นจำเลยที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกตัดสินลงโทษภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่
ชุง ถูกควบคุมตัวที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้กับสถานกงสุลสหรัฐ พร้อมพวกอีก 2 คนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเชื่อว่าเขากำลังเตรียมยื่นขอลี้ภัย ชุงเข้าสู่การเจรจาต่อรองและยอมรับผิดในข้อหาการแบ่งแยกดินแดน รวมถึงข้อหาการฟอกเงิน แต่ชุง ไม่ยอมรับผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้ประชาชนขัดขืนต่ออำนาจการปกครอง และคดีฟอกเงินที่มีอยู่อีก 1 คดีความ หลังการสารภาพ ชุงได้บอกว่า เขาไม่มีอะไรให้ต้องละอายใจเลย
คำให้การของชุง ทำให้เขาได้รับการลดหย่อนโทษกึ่งหนึ่ง เป็นการจำคุก 40 เดือนในข้อหาแบ่งแยกดินแดน และ 18 เดือนในข้อหาการฟอกเงิน แต่ความผิดหลังให้นับโทษจำคุกแยกออกมา 3 เดือน ทำให้มีโทษจำคุกรวมทั้งหมด 43 เดือน
สแตนลีย์ ชาน หนึ่งในกลุ่มผู้พิพากษาที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลให้พิจารณาคดีความมั่นคงของชาติ กล่าวว่า มีความชัดเจนอย่างมากในเรื่องที่ชุงจัดกิจกรรม วางแผน และดำเนินกิจกรรมอย่างแข็งขันเพื่อแยกประเทศออกจากกัน ทั้งนี้ ชุงได้จัดตั้งกลุ่มเล็กๆเพื่อรณรงค์ให้ฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ชุงยังเป็นนักเรียนมัธยม อย่างไรก็ดี เขาได้ประกาศยุบกลุ่มก่อนหน้าที่กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติจะมีผลบังคับใช้ไม่กี่ชั่วโมง
อัยการกล่าวหาว่า แม้ชุงจะยุบกลุ่มแล้ว แต่ชุงยังคงดำเนินการทางกลุ่มต่อไป ด้วยความช่วยเหลือจากนักเคลื่อนไหวจากต่างแดน โดยขอรับเงินบริจาคผ่านระบบ Paypal ซึ่งเป็นมูลเหตุนำไปสู่ข้อหาฟอกเงิน นอกจากนี้ กลุ่มของชุงยังมีการโพสในสื่อโซเชียลมีเดียมากกว่า 1,000 โพสต์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้ “กำจัดการปกครองแบบอาณานิคมของคอมมิวนิสต์จีน” และ “การสร้างสาธารณรัฐฮ่องกง”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ชุงถูกตัดสินจำคุก 4 เดือนสำหรับการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและดูหมิ่นธงชาติจีน
ฮ่องกงเป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษกลับสู่การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 1997 ซึ่งจีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้เอกราชกับฮ่องกงในระดับสูง แต่นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและประเทศตะวันตกบางกลุ่มกล่าวหาว่าจีนผิดสัญญา ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่จีนไม่ยอมรับ หลังจากนั้น ทางการจีนและฮ่องกงจึงได้ตั้งกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพหลังจากการประท้วงบนท้องถนนในปี 2019