เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาเปิดสถานบันเทิงของศบค.ว่า ประเทศไทยเคยได้รับบทเรียนจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงย่านทองหล่อมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นบทเรียนที่ทำลายชีวิตของคนไทยไปจำนวนมหาศาล รวมทั้งยังทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศชาติพังยับ เพราะฉะนั้น ผู้ที่รับผิดชอบในการพิจารณาให้เปิดสถานบันเทิง ต้องคิดให้รอบคอบ และขอให้คิดเผื่อเอาไว้ด้วยว่า หากเปิดแล้วเกิดการระบาดของเชื้อโควิด – 19 กระจายไปในวงกว้างซ้ำอีกครั้ง ศบค.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้
นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจในความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบันเทิงต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจ ความเดือดร้อนของประชาชนที่บริสุทธิ์ ซึ่งพวกเขาพยายามทำตามมาตรการของทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโควิค -19 ระบาด แต่เขากลับต้องมารับกรรม จากสถานบันเทิงเหล่านี้ คิดว่าเป็นธรรมสำหรับประชาชนจำนวนมากในประเทศหรือไม่ที่เขาต้องเสียชีวิต สูญเสียคนในครอบครัว ตกงาน เรื่องตรงนี้ขอให้ ศบค.และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องพิจารณาให้ดี ต้องมีมาตรการที่รัดกุมและเข้มงวด และที่สำคัญลองชั่งน้ำหนักดูว่า ศบค.กำลังจะเอาชีวิตคนไทยไปเสี่ยงกับความตายอีกครั้งใช่หรือไม่
” ที่ผ่านมาคนไทยทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน จนกระทั่งผ่านสถานการณ์วิกฤตมาได้ ประเทศหมดงบประมาณจำนวนมหาศาล ในการเร่งแก้ไขปัญหาเชื้อระบาด รัฐบาลต้องกู้เงินจำนวนมากหลายแสนล้านบาท เพื่อมาเยียวยาประชาชนและพยุงเศรษฐกิจของประเทศชาติ บุคลากรทางการแพทย์เหน็ดเหนื่อยกันอย่างหนัก ประชาชนนอนตายข้างถนนรายวัน ศบค.ลืมภาพในวันนั้นไปแล้วใช่หรือไม่ ส่วนตัวผมยังมองว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะยังมีผู้ติดเชื้อกว่า 5,000 คนทุกวัน สถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมแล้วหรือกับการต้องไปเที่ยวในสถานที่อโคจร “นายสิระ กล่าว
นายสิระ ยังกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนได้รับการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ถึงสถานบันเทิงต่างๆที่แอบเปิดให้บริการกับประชาชน โดยตนจะลงพื้นที่ตรวจสอบทุกร้านที่ประชาชนแจ้งเข้ามา เพราะวันนี้คงจะหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้น้อย เพราะขนาดผับใหญ่เปิดอยู่ต่อหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังสามารถกระทำผิดกฎหมายได้เลย