ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ และแนวร่วม เดินทางมารวมตัวที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีภายในสำนักงานข้าราชการพลเรือน ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อมายื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาล ทบทวนการดำเนินการของกลุ่มองค์กรอิสระ International Thailand ให้พ้นจากประเทศไทย
นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำเครือข่ายศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือศ.ป.ป.ส. เป็นตัวแทนกลุ่มอ่านแถลงการณ์มีเนื้อหา สรุปว่า ” amnesty International Thailand เป็นกลุ่มบุคคลธรรมดาเริ่มดำเนินการในประเทศไทยเมื่อปี 2538 และจดทะเบียนเป็นองค์กรชื่อสมาคมเพื่อองค์การนิรโทษกรรมสากลเมื่อปี 2546 อ้างตัวเป็นองค์กรนานาชาติเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของมนุษยชน แต่ความเป็นจริงปัจจุบันองค์กรนี้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยและสร้างค่านิยมผิดๆให้กับสังคมไทยทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ไม่เคารพกฎหมายไม่ยอมรับกฎหมายบ้านเมืองให้ทำในสิ่งที่ผิดเห็นผิดเป็นถูก องค์กรนี้ออกมาเรียกร้องสร้างความเท่าเทียมเรียกร้องเสรีภาพให้กับกลุ่มคนที่กระทำผิด โดยเฉพาะการกระทำ ที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมออกมาประณามการกระทำของรัฐบาล
ล่าสุดคนไทยหลายสิบล้านคนรับไม่ได้คือการที่แอมเนสตี้ล่ารายชื่อช่วยกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิดหวังล้มล้างการปกครอง บอกประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หวังกดดันกระบวนการศาลยุติธรรมให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ
กล่าวโดยรวม amnesty กำลังก้าวก่าย การกระทำล่วงเกินอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปกครองประเทศไทยภายใต้รัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และสนับสนุนให้ท้ายบุคคลหรือกลุ่มคนที่จับช่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิเสธการดำเนินงานทุกมิติและการมีอยู่ขององค์กรนี้ในประเทศไทยและขอให้ขับ พ้นจากประเทศไทยโดยด่วน
นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มแอมเนสตี้ว่ามีกลุ่มบุคคลใดหน่วยงานใดทั้งในและนอกประเทศสนับสนุน เพราะถ้าตัดวงจรหรือเส้นทางการเงินได้กลุ่มแอมเนสตี้ก็จะยุติบทบาทลงไปเอง
หลังอ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น ดร.เสกสกลอัตถาวงศ์ ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มารับเรื่อง ร้องเรียนของกลุ่ม โดยนายสุพรกล่าวว่า สิ่งที่แอมเนสตี้ได้ทำถือว่าเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับคนไทยและละเมิดจาบจ้วงสถาบันไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้จดทะเบียนในประเทศ จากการตรวจสอบเชื่อว่าเป็นการผิดเงื่อนไข ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ด้านต่างๆขององค์กรนี้เช่นตรวจสอบทางการเงินว่ารับเงินบริจาคจากประเทศใดและนำเงินไปใช้จ่ายหรือจ้างใครบ้างให้มาทำลายสถาบันหลักของชาติ ขณะนี้ได้ส่งข้อมูลและหลักฐานต่างๆให้กระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เตรียมการล่ารายชื่อ 1 ล้านรายชื่อเพื่อขับไล่อำนาจให้พ้นจากประเทศไทยอีกช่องทาง
ดร.เสกสกล ยังกล่าวอย่างมั่นใจอีกว่า ถ้าตนเองไม่สามารถขับแอมเนสตี้ให้พ้นจากประเทศไทยออกไปได้พร้อมลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งในรัฐบาลทันที
สำหรับกลุ่มแกนนำทั้ง 6 กลุ่มจากนี้เตรียมที่จะเดินหน้าล่ารายชื่อให้ได้ 1 ล้านรายชื่อเพื่อสนับสนุนขับไล่ amnesty ออกจากประเทศไทยด้วย