เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุฟ้า’ โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ “แรมโบ้อีสาน” พร้อมกับมวลชนจำนวนหนึ่งนั้นได้ประกาศออกสื่อถึงการต่อต้านการทำงานขององค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่าเป็นการทำงานที่บ่อนทำลายประเทศไทย และชักจูงให้คนละเมิดอำนาจศาล พร้อมกับขับไล่ให้องค์กรนี้ออกไปจากประเทศไทย
โดยเนื้อหาของเพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุฟ้า’ ระบุตอนหนึ่งว่า องค์กรแอมเนสตี้นั้นเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนเกี่ยวกับ”สิทธิมนุษยชน”โดยเฉพาะ และเป็นองค์กรที่เรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกละเมิดสิทธิอีก อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าตอนนี้ประเทศไทยนั้น คำว่าสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพนั้นถูกทำให้หายไปภายใต้รัฐบาลประยุทธ์และระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทำให้ประชาชนที่ออกมาเพื่อสิทธิของพวกเขาต้องโดนหมายจากตำรวจไปนับไม่ถ้วน หนำซ้ำในการออกมาชุมนุม ประชาชนของพวกเรายังคงโดนใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเอารถฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตามาไล่, ไล่กระทืบ, ขับรถชน, ยิงด้วยกระสุนยาง ตลอดไปจนถึงกระสุนจริงในบางครั้ง และล่าสุดถึงขั้นเอาศาลมาตัดสินแบบบิดเบี้ยว
ถ้าพูดกันด้วยความเป็นมนุษย์แล้ว สิ่งที่รัฐบาลทำไม่ใช่การรับมือกับม็อบ แต่เป็น”การกำจัด”ต่างหาก และองค์กรแอมเนสตี้ก็สังเกตเห็นถึงสิ่งเหล่านี้ และพยายามทักท้วงและเรียกคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนมาโดยตลอด ดังนั้นบรรทัดฐานของสิทธิมนุษยชนแบบไทยๆ ของแรมโบ้จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเอามาอ้างหรือพูดได้อย่างเต็มปากในระดับเวทีโลกอย่างแน่นอน ยิ่งพูดไปก็ยิ่งอับอายขายขี้หน้าประชากรโลกคนอื่นๆ และยิ่งประจานประเทศตัวเองว่าด้อยพัฒนาทั้งความเจริญและความคิดขนาดไหน
และที่แรมโบ้อ้างอิงถึงประเทศอื่นๆว่า กัมพูชา อินเดีย ฟิลิปปินส์ หรือฮ่องกง ก็ยังไม่ยอมให้แอมเนสตี้อยู่ในประเทศเลย อยากวอนให้พี่แรมโบ้ใช้ความรู้ที่มีทั้งหมดมานั่งวิเคราะห์และพิจารณาเอาเองว่าทำไมประเทศเหล่านั้นถึงไม่ยอมให้มี หากจะมีใครสักคนที่กำลังบ่อนทำลายประเทศไทย ตอนนี้ก็คงจะเป็น”แรมโบ้อีสาน”นี่แหละ ที่เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยด้วยการทำเรื่องไม่ฉลาดแบบขยันๆ