วันที่ 27 พฤศจิกายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มทะลุฟ้าโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้การออกมาเคลื่อนไหวของตนเองในการไล่แอมเนสตี้ พร้อมแจงการทำหน้าที่แอมเนสตี้ที่ปกป้องสิทธิและทวงความเป็นธรรมให้ประชาชน โดยนายเสกสกลกล่าวว่า เป็นการโพสต์แบบเข้าข้างตัวเอง องค์กรนี้ออกมาพูดเอาดีใส่ตัวแบบศรีธนญชัย บิดเบือนไม่ตรงกับพฤติกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่องว่าได้สวนทางกับวัตุประสงค์ขององค์กร ไม่สนใจข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใดๆ ทั้งนี้ตนเองมองว่าการที่แอมเนสตี้เข้ามาทำงานในประเทศไทยก็ควรที่จะรู้ถึงกฎหมายของไทยและต้องปฏิบัติตามโดยเฉพาะหากใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่ออกมาปกป้องผู้ที่กระทำความผิดแล้วอ้างว่าทำไปเพื่อสิทธิมนุษยชน
ขณะเดียวกันการที่แอมเนสตี้ออกมาปกป้องสิทธิมนุษยชนของกลุ่มม็อบ ก็ควรที่จะคิดปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศด้วยที่ถูกละเมิดสิทธิเช่นเดียวกัน เพราะถูกละเมิดสิทธิจากม็อบสามกีบเหล่านี้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อนจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบเหล่านี้ นี่หรือคือองค์กรที่กล้าออกมาพูดปกป้องสิทธิให้ประชาชน ปกป้องคนชั่วๆเลวๆที่ทำลายประเทศไทย ทำลายสถาบัน ยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยกให้ประเทศไทยวุ่นวาย ทำไมไม่ออกมาตักเตือนม็อบเหล่านี้ให้หยุดพฤติกรรมริดรอนสิทธิคนอื่นบ้าง
นายเสกสกลยังระบุว่าการที่ประชาชนจำนวนมากออกมาขับไล่แอมเนสตี้ถือเป็นสิทธิเช่นเดียวกัน ที่ยอมไม่ได้ ให้องค์กรแบบนี้ออกมาทำอะไรตามใจ หรือปกป้องคนที่กระทำความผิดก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบัน แบบนี้คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศไม่ยอมเช่นเดียวกัน
“องค์กรที่มีเป้าหมายแอบแฝงสนับสนุนคนออกมาให้ฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายของไทยเช่นนี้การชุมนุมไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายสร้างความรุนแรง สร้างความเสียหายอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับการบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย ซึ่งตนเองไม่แน่ใจว่าแอมเนสตี้ เห็นการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ คงแกล้งปิดหูปิดตาหูหนวกเป็นใบ้หรือเปล่า ขออย่าทำงานแค่คำว่า ต้องออกมาปกป้องสิทธิมนุษยชนมันเป็นข้ออ้างวาทกรรมมากกว่า ข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น ทุกคนเข้ามาอาศัยผืนแผ่นดินไทยต้องทำตามกฎหมายของไทย อย่าคิดว่ามาอยู่ประเทศไทยแล้วจะมาทำผิดกฎหมายไทยได้ เรื่องนี้ตนเองพร้อมประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ยอมอย่างแน่นอน และตนจะเดินหน้าตรวจสอบและขับไล่องค์กรทุกองค์กรที่มีพฤติกรรมบ่อนทำลายความมั่นของประเทศไทยต่อไปอย่างถึงที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่านานาประเทศก็คงเข้าใจสถานการณ์ของไทยและกฎหมายไทยเป็นอย่างดี เพราะประชาชนประเทศใหนก็ตามก็ต้องรักประเทศตนเองกันทั้งนั้น คงไม่อยากให้องค์กรต่างชาติเข้ามาสร้างความวุ่นวายในบ้านตนเองอย่างแน่นอน”