วันที่ 29 พ.ย. – นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมนายปรัชญา อึ้งรังษี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต และพระนคร นำทีมงานพรรคกล้าลงพื้นที่ชุมชนพานถม เขตพระนคร พบปะพูดคุย รับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่ โดยนายกรณ์กล่าวว่า บริเวณนี้มักมีนักท่องชาวต่างชาติเดินมาท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน เชื่อมโยงตั้งแต่หน้าวัดบวรนิเวศราชวรวิหารถึงถนนราชดำเนิน เป็นพื้นที่เหมาะกับการฟื้นฟู บูรณะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มีโอกาสค้าขายเพิ่มเติม แต่ปัญหาที่พบ มีทั้งเรื่องคุณภาพน้ำในคลองที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้อีก ความปลอดภัย ที่มีการติดตั้งไฟสวยงามริมคลอง แต่เปิดไม่ติด โยนความรับผิดชอบไปมาจากทั้ง กทม. และการไฟฟ้า กล้องวงจรปิดที่ไม่ทำงาน เครื่องกระจายเสียงตามสายก็ใช้การไม่ได้ ประเด็นปัญหาเหล่านี้เป็นภาระหน้าที่ของผู้แทน ที่จะเป็นกระบอกเสียงประสานให้กับทางราชการ
หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวอีกว่า วันนี้นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคกล้า พร้อมด้วยทีมพรรคกล้า กทม. ตัวแทนผู้นำชุมชน คณะผู้เสนอตัวสมัคร ส.ก. และ ส.ส. กทม. พรรคกล้า เดินทางไปยื่นหนังสือพร้อมลายเซ็นของผู้นำชุมชนในกรุงเทพฯ ให้กับผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ผ่านนายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อเสนอให้มีค่าตอบแทนสนับสนุนการทำงานของประธานและกรรมการชุมชน ที่ทำงานกันหนักมากในฐานะอาสาสมัคร แต่ไม่สามารถทำตามภารกิจที่ กทม. มอบหมายไว้ได้เต็มที่ เพราะไม่มีปัจจัยสนับสนุน จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะจ่ายเงินสนับสนุนในรูปแบบค่าตอบแทน เพื่อทุกคนจะได้ทำงานดูแลลูกบ้านในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
โดย นายณัฐนันท์ ว่า จากการประชุมสำรวจความเห็นประธานและกรรมการชุมชนกว่า 400 คน ส่วนใหญ่เห็นว่า ประธานและคณะกรรมการมีส่วนสำคัญในการดูแลประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะฝนตก ท่อตัน ต้นไม้ล้ม โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาสถานการณ์รุนแรง ถ้าไม่ได้ประธานและคณะกรรมการชุมชน สถานการณ์จะยิ่งแย่ไปกว่านี้ ที่ผ่านมาทำงานฟรีมาแล้ว 36 ปี วันนี้ถึงเวลาต้องทบทวน โดยเสนอให้เพิ่มประธานและคณะกรรมการชุมชน เข้าไปอยู่ใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร จะนำมาซึ่งสิทธิ เงินเดือน สวัสดิการทุกอย่าง หรือในระยะเร่งด่วนอยากให้จัดทำข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครในลักษณะที่ให้เงินค่าตอบแทน สวัสดิการ การรักษาพยาบาล รวมถึงการเบิกเงินเพื่อพัฒนาชุมชน ซึ่งมีข้อจำกัดมาก เบิกยาก ไม่ค่อยสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่หากสามารถใช้จัดซื้อคุรุภัณฑ์ จ้างแรงงาน หรือใช้ในโครงการแบบเบิกรวบยอดได้