จากกรณีในเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้ผมและทีมทนาย ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทนายคดีลุงพลแล้วนะครับ เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือผิดใจอะไรกัน สิ่งนึงที่ผมเงียบมาตลอด และปล่อยให้สังคมพูดกันไปโดยแทบไม่มีใครปกป้องคือ ในการทำคดีนี้ ผมไม่ได้ร้บเงินเพื่อช่วยทำคดีแต่อย่างใด ทำด้วยใจล้วนๆ แต่มาถึงวันนี้ผมขอใช้เวลาของผมไปทำคดีให้กับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า และขอให้ลุงพลและป้าแต๋นโชคดีครับ
และได้มีการเคลื่อนไหวหลังจากที่โดนกระแสโจมตีเรื่องของเงินโดยออกมาชี้แจงว่า ตอนนี้มีกระแสดิสเครดิตผมออกมาครับ ว่าผมได้รับเงินสิบล้านในการว่าความผ่านทางมูลนิธิ ผมเลยให้ทีมงานรีบไปอัพเดทสมุดเพื่อเป็นหลักฐาน ผลก็คือตามภาพครับคือไม่มียอดนั้นปรากฎแต่อย่างใด คนที่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จระวังจะได้คดีเป็นของขวัญปีใหม่นะครับ อย่างที่แจ้งไปแต่แรก และมีพยานเยอะแยะ ตอนผมรับทำคดีลุงพล ผมไม่คาดหวังเงินทองใดๆ อยากช่วยด้วยใจ แต่ก็มีแฟนคลับรวมตัวกันอยากช่วยค่าคดี ผมเลยบอกไปว่าไม่รับ แต่ถ้าทุกคนอยากช่วยคนยากคนจน ก็โอนไปมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ไว้ช่วยคดีอื่นที่จำเลยที่ถูกกลั่นแกล้งไม่มีเงินค่าทนายแล้วมาขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิก็แล้วกัน เงียบมานาน วันนี้คงต้องปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างแล้วครับ แฟนคลับลุงพลเข้าใจผมใหม่ก่อนนะคร้บ ผมแค่เลิกทำคดี ไม่ได้เป็นศัตรูกับลุงพล อยากให้เข้าใจในจุดนี้ด้วย
ซึ่งล่าสุดวันที่ 30 พฤศจิการยน 2564 ทางด้าน ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กอีกครั้งโดยโพสต์ข้อความว่า สำหรับใครที่เคยบริจาคเงินเข้ามูลนิธิทีมงานทนายประชาชนช่วงเดือนมกราคม เพราะเข้าใจผิดว่า เงินก้อนนั้นจะนำมาช่วยลุงพล ทั้งที่ผมชี้แจงแต่แรก ว่าคดีนี้ทำฟรี และการบริจาคครั้งนี้คือการทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้ไม่มีเงินสู้คดีรายอื่น และรู้สึกไม่สบายใจที่ผมถอนตัวจากการเป็นทนาย สามารถส่งหลักฐานเข้าเพจ หรือคอมเมนท์ทิ้งไว้ให้โพสต์นี้ได้เลยนะครับ ถึงผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการบริจาคนี้ แต่พวกคุณต้องเข้าใจก่อนว่า การเบิกถอนเงินจากมูลนิธิเป็นเรื่องวุ่นวายมาก #ผมขอตัดปัญหาใช้เงินส่วนตัวโอนคืนทุกบาททุกสตางค์ครับ