กรณี ร.ต.ท.อารัญ ชวานนท์ รอง สว.จร.งานศูนย์ควบคุมจราจร ด่วน กก.2 บก.จร. ทำหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน แจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีกับ นายแบงค์ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ในข้อหา “ทำร้ายร่างกายขณะปฏิบัติเจ้าหน้าที่” โดยระบุว่า ชายคนดังกล่าวแสดงความไม่พอใจหลังมาสอบถามประเด็นการตั้งกรวยจราจรบนทางด่วน จนรถเก๋งฮอนด้าแจ๊สของตนเองเกิดเฉี่ยวชนกรวยจนเป็นรอย โดยเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นในสถานี เมื่อกลางดึกวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามข่าวนำเสนอนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 พ.ย.64 นายแบงค์ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี คู่กรณี ร.ต.ท.อารัญ ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว เพื่อชี้แจงรายละเอียดในอีกฝั่งว่า ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊สสีขาว ขึ้นทางด่วนท่าเรือเพื่อเดินทางไปทำธุระ แต่ในขณะผ่านช่อง อีซี่พาส เพื่อขึ้นสู่ทางต่างระดับ พบว่า มีการตั้งกรวยยางหลายอัน จึงพยายามหักพวงมาลัยเพื่อเบี้ยงหลบแต่กลับไม่พบ ชนกรวยยางและลากไปกับถนนเล็กน้อย จนหน้ารถมีร่องรอยการเฉี่ยวชน
ซึ่งผู้โดยสารในรถประกอบด้วย ตน ภรรยา ลูกวัย 5 ขวบ และ พี่ชายภรรยา พร้อมแฟนสาวพี่ชายภรรยา ซึ่งทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ มีการตั้งข้อสงสัยว่าจุดดังกล่าว ไม่มีการตั้งจุดอำนวยการจราจร หรือ งานปรับปรุงพื้นผิวถนน แต่เหตุใดจึงมีการตั้งกรวยจำนวนหลายอัน หลังไปทำธุระเสร็จ จึงขับรถไปยัง สน.ทางด่วน 1( ท่าเรือ ) เพื่อสอบถามถึงเหตุการตั้งกรวยเพื่อขอรายละเอียดจะนำไปดำเนินการตามขั้นตอน
เมื่อไปถึงพบ ดาบตำรวจ นายหนึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ก่อนไปตาม ร.ต.ท.อารัญ ซึ่งอยู่อีกห้องหนึ่งให้ออกมาแนะนำ ซึ่งในระหว่างสอบถาม อีกฝ่ายพยายามบ่ายเบี่ยงให้ไปติดต่อผู้บังคับบัญชา ตนจึงขออนุญาตใช้มือถือถ่ายรูป เนื่องจากจะได้นำไปแจ้งกับอีกฝ่ายว่า คนที่แนะนำให้มาขอรายละเอียดกับผู้บังคับบัญชา คือ ร.ต.ท. นายนี้ ไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง
แต่ในขณะที่จะยกมือถือขึ้นถ่ายกลับถูกอีกฝ่ายปัดมือถือจนตกลงพื้น ตนจึงเกิดความโมโหและหันไปสอบถามตามอารมณ์ขณะนั้น ว่า เหตุใดถึงทำแบบนี้ แต่จังหวะนั้นกลับถูกชกเข้าที่หน้า 1 ครั้ง ซึ่งในจังหวะนั้นตนได้ชกสวนกลับไปเช่นกัน 1 ครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะชักอาวุธปืนขึ้นขู่ ตนจึงมายืนขวางสมาชิกในครอบครัวที่เดินทางมาด้วย เพราะมีลูกวัย 5 ขวบ อยู่ในกลุ่ม กระทั่งครอบครัวของตนจะเข้ามาห้ามปราม และ หลังจากเหตุการณ์ ตนได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.ท่าเรือ ในคืนนั้นเช่นกัน เพราะเห็นว่า ตนถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังและชักอาวุธปืนหันใส่ประชาชน
หลังเกิดเหตุ มาทราบว่า ร.ต.ท.อารัญ ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน ซึ่งตนมองว่าเป็นการให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว เพราะตนมีพยานบุคคลในขณะเกิดเหตุ ส่วนประเด็นการตั้งกรวยยาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอุบัติเหตุเฉี่ยวชนนั้น ตนมีภาพคลิปกล้องหน้ารถบันทึกไว้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีการเปิดภาพกล้องวงจรปิดใน สน. ขณะเกิดเหตุ ว่า ฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่ฝ่ายใดก่อน สำหรับคดีนี้ ยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และ อยากให้สังคมฟังความทั้งสองด้าน