เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 12 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมนั้น นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด ซึ่งตั้งถามโดยส.ส. พรรคก้าวไกลและส.ส.พรรคเพื่อไทยถึงมาตรการรับมือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และความพร้อมด้านวัคซีนและดูแลประชาชน ทั้งนี้ในการตั้งถามกระทู้ช่วงหนึ่งของนายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย สอบถามถึงความชัดเจนต่อแนวคิดการปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ เหมือนกับประเทศอิสลาเอล, ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
โดยนายสาธิต ชี้แจงว่าโควิดสายพันธุ์ใหม่ควบคุมไม่ง่าย แต่สามารถรับมือได้ ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์โอไมครอนยังไม่ชัดเจน ทราบแค่ว่าอาการคล้ายกับสายพันธุ์เดลต้า และวันนี้ (2 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อ 1,000 ราย ดังนั้นยังตอบไม่ได้ว่าต้องปิดประเทศหรือไม่ รวมถึงต้องไม่ผลีผลามตัดสินใจ แต่รัฐบาลไม่ประมาท เพราะยอมรับว่าไม่สามารถปิดกั้นโรคระบาดได้ 100% แต่มาตรการที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ อยู่ในระดับน่าพอใจ ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำกับประเทศไทยต่อการปฏิบัติตัวกับ 8-9 ประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนว่า ในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง คือต้องงดลงทะเบียนเข้าประเทศ ส่วนผู้ที่เข้าประเทศต้องกักตัว นอกจากนั้นกระทรวงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกจังหวัด ให้สอบสวนและควบคุมโรคอย่างเข้มข้น รวมถึงตรวจสอบผู้ติดเชื้อทุกกรณีเพื่อป้องกันให้ดีที่สุด
“ช่องทางธรรมชาติน่ากลัวที่สุด แต่นายกฯ สั่งการไปยังฝ่ายความมั่นคง หากพบผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ปล่อยปละจะดำเนินการเด็ดขาดกับผู้ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ผมแปลกใจทุกครั้งที่จับคนลักลอบเข้าประเทศ จับได้แต่คนที่หนีเข้าประเทศ แต่จับคนนำพา หรือผู้ให้การพักพิงไม่ได้ โดยนายกฯ สั่งแล้วให้จัดการเด็ดขาด เพราะเป็นช่องทางที่เสี่ยงต่อการเล็ดลอดของไวรัสโอมิครอนมากกว่าทางอากาศ” นายสาธิต ชี้แจง
นายสาธิต ยังชี้แจงถึงเรื่องการเตรียมพร้อมวัคซีนป้องกันโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และการปรับแผนฉีดวัคซีนเข็ม3 ว่า หากสถานการณ์ของโอไมครอนแพร่ระบาดรุนแรง และมีแนวโน้มที่คุมไม่อยู่ การฉีดวัคซีนเข็มสามอาจมีความจำเป็นที่ต้องลดเวลาฉีดวัคซีนจากที่กำหนดให้มีระยะห่าง 6 เดือน อย่างไรก็ตามตอนนี้มีข้อมูลว่าในต่างประเทศที่มีอัตราติดเชื้อสูง คือในกลุ่มผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน และส่วนตัวเห็นว่าภูมิคุ้มกันหมู่อาจไม่ช่วย ดังนั้นต้องฉีดวัคซีนเข็มหนึ่งและเข็มสองให้ได้ 90% จากปัจจุบันที่ฉีดแล้ว 70% เพื่อป้องกันการเจ็บหนักหรือตาย
“เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา สมาคมผู้ประกอบการของสหรัฐอเมริกา รวมถึงบริษัท ไฟเซอร์ บริษัทผู้ผลิตยา เข้าพบนายกฯ ร่วมพูดคุยถึงการขึ้นทะเบียนรับรองยาจากไฟเซอร์ มียาของไฟเซอร์ที่รอการรับรองจากสหรัฐอเมริกา ผมสั่งการให้ อย. ว่าหากมีข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาที่มากพอและเป็นข้อมูลฉบับเดียวกันต้องเร่งอนุมัติเพื่อขอมติครม. เพื่อสั่งซื้อ โดยรัฐบาลได้เตรียมเงินกู้ งบกลางไว้พร้อมแล้ว” นายสาธิต ชี้แจง
ทั้งนี้ รมช.สาธารณสุข ยังชี้แจงในคำถามของนายโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ต่อการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ว่า การเข้าร่วมดังกล่าวต้องพิจารณาถึงผลด้านบวก และด้านลบ ทั้งนี้ตนทราบว่าประเทศที่เข้าร่วมโครงการยังมีปัญหาจัดส่งวัคซีน ส่วนที่เป็นข้อกังวลว่าไทยจะเสียสิทธิในนวัตกรรมใหม่ๆ นั้น ประเทศไทยยังมีสิทธิ และมีความร่วมมือทุกทางที่ทำให้เกิดประโยชน์กับคนไทย รวมถึงมีนวัตกรรมที่คิดและทำเอง โดยได้ประสานงานกับองค์กรนานาชาติ รวมถึงองค์การอนามัยโลก ทั้งนี้รัฐบาลจะเดินหน้าที่ทำให้สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย