วันที่ 3 ธ.ค.64.- พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบสิทธิบ้านเช่าโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้าให้กับผู้แทนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พลตรี ดร.เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ คณะผู้บริหาร และภาคีเครือข่าย ร่วมให้การต้อนรับ
นายกฯ กล่าวว่า โครงการบ้านเคหะสุขประชาถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ที่ทำมาหลายปีแล้ว โดยต้องการว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ความสุข มีรอยยิ้ม มีที่อยู่อาศัยที่ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญ โดยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นโครงการที่ดีทำสิ่งที่ดีให้กับประชาชน โดยต้องการสร้างความเท่าเทียมด้านโอกาสให้กับคนไทย มีอาชีพมีรายได้ได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐาน
นายกฯยืนยันว่าตราบใดที่ยังอยู่ในรัฐบาลจะทำทุกโครงการให้ดีที่สุด ซึ่งวันนี้หลายอย่างดีขึ้นต่อเนื่องแต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิดซึ่งถือว่าเป็นกันทั้งโลก แต่ไทยเราถือว่าบริหารจัดการได้ดีกว่าต่างประเทศ ถ้าเรามีบ้านมีอาชีพก็จะมีความสุข ความสุขของคนเรามาจากไหน ความสุขเริ่มต้นจากใจของตัวเอง เริ่มจากครอบครัว นั่นคือความสุขที่แท้จริงความสุขที่หาไม่ได้จากที่อื่นและเผื่อแผ่ความรักความสุขในสังคมด้วย คนในหมู่บ้านในชุมชนขอให้รักกัน อย่าไปเสียเวลาอ่านข่าวที่บิดเบือน ความขัดแย้ง ปัญหาเรามีเยอะอยู่แล้วอย่าไปทำให้สมองเครียดเพิ่มอีก อยากให้บ้านนี้เป็นบ้านแห่งรอยยิ้มมีแต่เสียงหัวเราะ แต่ก็อย่าเมาก็แล้วกัน เมาแล้วก็หัวเราะค่อย ๆหน่อย แค่แซวเล่น ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ หวังอยากจะให้คนไทยมีรอยยิ้ม ถือเป็นโครงการแรกๆ ของรัฐบาล ที่ดูแลคนทุกกลุ่ม เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอให้เกิดความรักความสามัคคีกันไว้ให้ได้
ขณะที่ นายจุติ กล่าวว่า นโยบายนี้โครงการบ้านเคหะสุขประชา ที่นายกรัฐมนตรีได้ขับเคลื่อน หากพลเอกประยุทธ์ไม่สนับสนุนอย่างสุดตัวก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยนายกฯได้ย้ำเสมอว่าขอให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางให้ประชาชนเป็นที่ตั้ง ยืนยันว่า มาตรฐานของบ้าน ราคา คุณภาพวัสดุที่ใช้ก่อสร้างบ้าน แตกต่างกับบ้านเอื้ออาทรมหาศาล โดยเน้นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้โดยรอบโครงการให้เกิดความยั่งยืนด้วย นายกฯได้กำชับว่าให้คิดนอกกรอบ แต่ต้องทำในกรอบถูกต้องตามกฎหมาย จึงผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน จนสามารถผ่าน ครม.ได้ เกิดจากความกล้าไม่ใช่ความกลัว หลายคนกลัวว่าโครงการจะทุจริตประชาชนไม่ได้ประโยชน์แต่ความกล้าของนายกฯที่สนับสนุนทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีบ้านที่มีคุณภาพในราคาที่ประหยัดชีวิตเดินต่อไปได้
ด้านนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า “โครงการบ้านเคหะสุขประชา”เป็นการพลิกโฉมประเทศไทยจากวิกฤตสู่โอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางได้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย มีอาชีพใหม่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ต้องการให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้เช่าบ้านพร้อมอาชีพ ยกระดับรายได้ 40,000 บาทต่อครอบครัว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัย ทำให้ประชาชนมีความหวัง มีอาชีพ และมีรายได้ที่มั่นคง โดยมีเป้าหมายจัดสร้าง 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 – 2568 จัดสร้างปีละ 20,000 หน่วย โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการของแต่ละพื้นที่ มี 6 อาชีพ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการชุมชนและชุมชนข้างเคียง ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การค้าปลีก – ส่ง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้น ๆ เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย
นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ให้จัดตั้ง บริษัท เคหะ
สุขประชา จำกัด (มหาชน) เพื่อมาช่วยให้การดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชาคล่องตัวและประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น โดยการเคหะแห่งชาติถือหุ้น 49 % และผนึกกำลังกับพันธมิตรที่เข้มแข็งและมีความเป็นมืออาชีพถือหุ้น 51 % อาทิ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน เพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการจัดการขยะในชุมชน บริษัท วินโดว์เอเชีย จำกัด เข้ามาสนับสนุนวัสดุก่อสร้าง ช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างโครงการ บ้านเคหะสุขประชา และบริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน) จะเข้ามาดูแลเรื่องการประกันรายได้ของผู้อยู่อาศัยในโครงการฯ
ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สนใจในโครงการบ้านเคหะสุขประชาจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2565 การเคหะแห่งชาติมีแผนจะก่อสร้างโครงการบ้านเคหะสุขประชาอีก 13 โครงการ จำนวน 3,948 หน่วย ในจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครปฐม จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดระยอง และจังหวัดสระบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบจัดทำโครงการ และในอนาคตการเคหะแห่งชาติมีแผนจะดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชาต่อเนื่องอีกกว่า 30,000 หน่วย ในลักษณะร่วมลงทุนกับภาคเอกชน โดยจะร่วมทุนกับบริษัทเคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานในราคาที่เหมาะสม สามารถรับภาระได้ รวมไปถึงการพัฒนาอาชีพเพื่อก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนต่อไป