นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือผ่านระบบการประชุมทางไกล กับนายเดเมียน โอ คอนเนอร์ รัฐมนตรีการค้าและการเติบโตทางการส่งออก ประเทศนิวซีเเลนด์ ถึงความเห็นของไทยต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2564 พร้อมปูทางการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย และผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปตลาดนิวซีแลนด์เพิ่มมากขึ้น
โดยระบุว่า ปีนี้นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และในปีหน้าไทยจะรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์ โดยการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในการหารือทางรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุม ต้องการให้ออกแถลงการณ์ร่วมผลจากการประชุมเอเปคปีนี้ 3 แถลงการณ์ พร้อมขอความเห็นในฐานะรัฐมนตรีการค้าของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยยินดีสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วยฉบับที่ 1 แถลงการณ์ร่วมฉบับใหญ่ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคทั้งหมด
ประเด็นที่ 1 กำหนดให้การค้าเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ประเด็นที่ 2 เอเปคสนับสนุนการค้าในระบบพหุภาคีโดยเฉพาะในรูป WTO และประเด็นที่ 3 เอเปคสนับสนุนเศรษฐกิจแบบ BCG คือทั้งเศรษฐกิจ Bio Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน
ขณะที่ แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กำหนดให้สมาชิกในกลุ่มประเทศเอเปค ไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด ยกเว้นมีข้อจำกัดตามที่ WTO กำหนดไว้เท่านั้น เช่น มีวัคซีนไม่พอใช้ในประเทศ
แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ภาคบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเอเปคต้องการส่งเสริมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ สนับสนุนกระบวนการนำเข้าส่งออกทางผ่านด่านต่างๆ ด้วยระบบดิจิตอล ในสินค้าที่จำเป็นในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทั้งเครื่องมือแพทย์ วัคซีน อาหาร สินค้าเกษตร หรือสินค้าเครื่องใช้ในบ้านในยุค New Normal
ส่วนประเด็นการหารือเพิ่มเติม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้ตอบรับการเข้าร่วมประชุมในวันที่ 4 และ 5 มิถุนายน 2564 ที่นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ โดยการประชุมวันที่ 4 มิถุนายน เป็นการประชุมรัฐมนตรีการค้าร่วมกับสภาธุรกิจเอกชนเอเปค ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 2. เรื่องการรับมือเศรษฐกิจต่อวิกฤติโควิด และ 3. กลุ่มที่ว่าด้วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์โควิด
โดยประเทศไทย ประสงค์จะเข้าร่วมในกลุ่มที่ 2 คือเรื่องการรับมือทางด้านเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดปัจจุบัน และวันที่ 5 มิถุนายน จะเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีโดยเฉพาะของกลุ่มประเทศเอเปค
อย่างไรก็ตาม ทางนิวซีแลนด์ ได้ขอให้ไทยสนับสนุนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมใหญ่ของนิวซีแลนด์ โดยให้คิดภาษีเป็นศูนย์ ตามข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วน ซึ่งคาดว่า จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในการหารือประเทศไทยได้ขอให้ทางนิวซีแลนด์ช่วยนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมจากการนำเข้าปกติ อาทิ ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และผลไม้ เช่น ลิ้นจี่ ลำไย ทุเรียน มังคุด เพราะผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยจากนิวซีแลนด์เรียบร้อยแล้ว และทางนิวซีแลนด์ให้การรับรองแล้ว