วันนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนว่า ตนเชื่อว่าเราต้องเจออยู่แล้ว แต่เราต้องติดตามข้อมูลใน 1-3 สัปดาห์ ถึง 1 เดือนนี้ เพื่อให้รู้จักมันมากขึ้น ถึงจะตอบได้ว่าจะจัดการมันยังไง ซึ่งหากเราพบข้อมูลติดโอมิครอนหลักหมื่นราย มีนัยยะสำคัญว่ามีความรุนแรง เราต้องยกระดับมาตรการให้เข้มขึ้น เช่น หากมีข้อมูลว่าคนติดโอมิครอน 1 พัน มีความรุนแรงทำให้ลงปอด เกิน 2-3% เราต้องมีมาตรการหนักขึ้น ปิดหรือล็อก เพราะเดลต้าที่เราพบตอนนี้อัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 2% อาการหนัก 5% ดังนั้นถ้าโอมิครอนมากกว่าเราต้องเข้ม เพื่อป้องกันระบบสาธารณสุขของประเทศ แต่หากโอมิครอนอาการมันไม่มาก เราก็มีระบบกักตัวที่บ้าน แต่หากอาการมากก็เข้ารักษาในโรงพยาบาลได้
นายสาธิต กล่าวอีกว่า โดยธรรมชาติของไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนเราต้องเผชิญหน้ากับมัน การปิดกั้นการเดินทางในช่วงเวลานี้ทำได้ยาก เช่นที่เราเคยพบสายพันธุ์อัลฟา เบต้า หรือเดลต้า แต่เราต้องมีสติต่อสู้กับมัน ขณะนี้เราเปิดประเทศแล้ว อย่างไรก็ตามหากยังมีข้อมูลเท่านี้ เรายังรับมือได้ เนื่องจากปัจจุบันมีทิศทางที่ติดได้เร็ว แต่อาการไม่ได้รุนแรงกว่าเดลต้า ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกังวลมาก
สำหรับสายพันธุ์โอไมครอนที่เราปิดการเดินทางใน 8 ประเทศไปแล้ว แต่ประเทศอื่นก็มีความเสี่ยงเช่นกัน คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ก็ให้เฝ้าระวังให้ดี แต่เขาก็ไม่ได้ฟันธงว่าเป็นอย่างไร เราจึงต้องใช้มาตรการที่มีคู่ขนานกับการเปิดประเทศ ด้วยระบบที่เราเตรียมไว้ผ่านการกักตัวก็จะลดความเสี่ยงได้