เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2564 ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – อาคารแสดงประเทศไทย โดย ดีอีเอส-ดีป้า ขนทัพนักแสดงกว่า 50 ชีวิต จัดงาน “วันชาติไทย” (Thailand National Day) ยิ่งใหญ่ในงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ โชว์ศักยภาพความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ และเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยให้ทั่วโลกได้สัมผัส หลังขึ้นแท่นไฮไลท์ 1 ใน 3 อาคารแสดงยอดนิยมจาก 192 ประเทศทั่วโลก มั่นใจความสำเร็จจากงานจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนหลังวิกฤตโควิด-19
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้เกียรติเข้าร่วมในช่วงพิธีการ พร้อมกล่าวว่า แม้ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะส่งผลให้เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ ต้องเลื่อนการจัดงานจากกำหนดเดิมมาถึง 1 ปีเต็ม แต่กระแสความนิยมที่อาคารแสดงประเทศไทยได้รับอย่างต่อเนื่องภายหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า มั่นใจว่า ตลอดระยะเวลา 6 เดือนของการจัดงาน (วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565) อาคารแสดงประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในอาคารแสดงที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด โดยแนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) จะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี อีกทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศสู่สายตานักลงทุนทั่วโลก ผ่านความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ขณะที่เอกลักษณ์และความเป็นไทยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ และได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมทั่วทุกมุมโลก ยืนยันได้จากตัวเลขผู้เข้าชมงานกว่า 5 แสนคนในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา
วันชาติไทย (Thai National Day) จึงถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทางอาคารแสดงประเทศไทยจะได้หยิบยก อัตลักษณ์และเสน่ห์ของวัฒนธรรม รวมถึงประเพณีอันล้ำค่าของไทยมาแสดงสู่สายตาประเทศสมาชิกกว่า 190 ประเทศทั่วโลกอีกครั้งที่ Al Wasl Plaza โดมหลักใจกลางงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ
สำหรับรายละเอียดกิจกรรมในงานวันชาติไทยจะเริ่มด้วยขบวนพาเหรด “SMILE PARADE” จากด้านหน้าอาคารแสดงประเทศไทยมุ่งหน้าไปยัง Al Wasl Plaza เพื่อเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งประเทศไทยพร้อมถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทย อลังการด้วยการแสดงพิเศษ ภายใต้แนวคิด “Miracle of Smile มหัศจรรย์แห่งรอยยิ้ม” โดยมีตัวแทนคนรุ่นใหม่มามอบความสุขและรอยยิ้มแก่ผู้ร่วมงานด้วยสื่อสากลอย่าง เสียงเพลง ผ่านการแสดงทั้ง 5 องก์ ประกอบด้วย
องก์ 1 Overture: ปฐมบท เกริ่นนำถึงเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ของไทยที่อัดแน่นด้วยความสามารถและพร้อมเติบโตเพื่อนำประเทศสู่อนาคตที่รุ่งเรือง โดย ด.ช.ดรัส วรรณสารเมธา อัจฉริยะทางดนตรีวัย 12 ปีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
องก์ 2 Greeting Lights: การต้อนรับเข้าสู่ประเทศไทย
องก์ 3 Thai Fighting Spirit: นำเสนอความเข้มแข็งของจิตวิญญาณนักสู้ผ่านศิลปะป้องกันตัว (Thai Martial Arts) ผสมผสานกับดนตรีรูปแบบใหม่ของวง Brass Session
องก์ 4 Joy & Join: ร่วมพลังแห่งอนาคต โดย เก่ง – ธชย ประทุมวรรณ ที่มาแสดงความสามารถในการประยุกต์เพลงไทยเดิมเข้ากับดนตรีร่วมสมัยอย่างลงตัว
และ องก์ 5 Miracle of Smile: มหัศจรรย์แห่งรอยยิ้ม การเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของชาติไทยที่เชิญชวนทุกคนมาร่วมฉลองไปด้วยกัน รวมถึงการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดยกรบ โดยนักแสดงคุณภาพจาก กระทรวงวัฒนธรรม
“การแสดงนิทรรศการครั้งนี้จะทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น เพราะอาคารแสดงประเทศไทยได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เข้าชมงานที่เข้าคิวชมอาคารแสดงประเทศไทยในทุก ๆ วัน ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเสียงชื่นชมจากผู้เข้าชมงาน ผู้จัดงาน และสื่อมวลชนต่างชาติว่า เรามีการเตรียมพร้อมในการแสดงศักยภาพเป็นอย่างดี มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวของเทคโนโลยีและเสน่ห์ไทยแบบดั้งเดิม เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผนวกกับการฉายภาพการพัฒนาประเทศแบบ Smart Thailand ทั้งเรื่องการขนส่ง การเชื่อมต่อในยุคดิจิทัลที่เข้าถึงสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น ผ่านแอนิเมชันฝีมือคนไทย ผสมผสานกับการแสดงที่เป็น Contemporary บนจอภาพขนาดใหญ่ โดย กระทรวงดิจิทัลฯ หวังว่า การจัดงานวันชาติไทยและอาคารแสดงประเทศไทยจะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นด้วยศักยภาพ และความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม ผ่านนโยบายดิจิทัลไทยแลนด์”
อาคารแสดงประเทศไทยนำเสนอแนวคิด การขับเคลื่อนสู่อนาคต (Mobility for the Future) ผ่านนิทรรศการ 4 ห้อง ได้แก่ ห้องที่ 1: Thai Mobility จัดแสดงเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์และราชรถจำลอง พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการเดินทางของคนไทยในอดีต ห้องที่ 2: Mobility of Life นำเสนอภาพยนตร์แอนิเมชัน สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน ห้องที่ 3: Mobility of the Future นำเสนอภาพอนาคตของประเทศ ผ่านเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ต่อยอดมาจากความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของประเทศ และ ห้องที่ 4: Heart of Mobility นำเสนอภาพยนตร์สั้น ผ่านคำบอกเล่าในแง่มุมต่าง ๆ ของชาวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อสื่อให้เห็นว่า หัวใจหลักของการขับเคลื่อนประเทศคือ “คนไทย”
พร้อมกันนี้ ผู้เข้าชมงานยังสามารถสัมผัสเสน่ห์และมนต์ขลังของอาหารไทยขึ้นชื่อ และเลือกซื้อสุดยอดผลิตภัณฑ์คุณภาพของไทย เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้ผู้ประกอบการไทยที่ร่วมแสดงศักยภาพของสินค้าและบริการบนเวทีระดับโลก รวมถึงกิจกรรมพิเศษภายใต้แนวคิด “The Best of Thailand” ที่นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ฝีมือคนไทยจากหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยรุ่นใหม่ที่ร่วมหมุนเวียนจัดกิจกรรมตลอด 6 เดือน พร้อมไฮไลท์ประจำวันอย่างการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด “Thai Iconic: ความเป็นไทยสู่สายตานานาชาติ” ณ เวทีหน้าอาคารแสดงประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสนุกเสมือนได้มาเยือนประเทศไทย
“อาคารแสดงประเทศไทยในงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ ครั้งนี้ นอกจากจะสร้างโอกาสให้ประเทศแสดงความพร้อมและศักยภาพในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในภูมิภาคแล้ว ดีป้า และหน่วยงานพันธมิตรยังร่วมกันสร้างโอกาส สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยในการเปิดตลาดใหม่ ด้านการค้าและการลงทุนแถบตะวันออกกลาง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อาคารแสดงประเทศไทยจะสร้างประโยชน์ให้คนไทยทุกภาคส่วนได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ และทำให้คนไทยทั้งประเทศร่วมภาคภูมิใจกับอาคารแสดงประเทศไทยอีกครั้ง”
นอกจากนี้ ในช่วงค่ำยังมีการจัดงาน Welcome Reception ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ โดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เพื่อประกาศความพร้อมของไทยในการเปิดโอกาสทางธุรกิจ และเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลก โดยมีผู้บริหารระดับสูง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจากประเทศต่าง ๆ ตลอดจนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไมซ์เข้าร่วมภายในงาน