นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ธันวาคม ข้างทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นพฤติกรรมที่ชี้ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่รับรู้ความทุกข์ร้อน ไม่รับฟังความเห็นของประชาชน ไม่แก้ปัญหาด้วยการเจรจาจับเข่าคุยกัน ตรงกันข้าม กลับเมินเฉยและใช้กำลังรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมเกินกว่าเหตุ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอย่างร้ายแรงในยามวิกาลซึ่งไม่อาจรับได้ การมาชุมนุมของพี่น้องเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นนั้นมีที่มาที่ไป คือตั้งแต่ปีที่แล้ว เขามาชุมนุมและรัฐบาลได้เจรจามีข้อตกลงกันว่าจะใช้เวลาในการศึกษาถึงผลดีผลเสียของการสร้างนิคมอุสาหกรรมจะนะ ให้ถ่องแท้ก่อนเดินหน้าโครงการ แต่รัฐมิได้ทำตามข้อตกลง กลับเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งชาวบ้านมองว่าเป็นการขัดต่อวิถีชุมชนของชาวบ้าน จึงเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามเหตุผล แทนที่รัฐบาลจะชี้แจงอธิบาย กลับใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ
แม้โฆษกรัฐบาลจะออกมาแถลงว่ารัฐบาลมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องและเพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ประชาชนสามารถฟังและตัดสินได้ว่าคำแถลงของรัฐบาลนั้นฟังขึ้นหรือไม่ และนอกจากจะสลายการชุมนุมแล้ว ยังมีการจับกุมคุมขังและแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องการคำอธิบายถึงพฤติกรรมดังกล่าวของรัฐบาล พร้อมจะมีมาตรการด้วยการตั้งกระทู้ถามหรือญัตติเพื่อสอบถามรัฐบาลกรณีดังกล่าว
“นอกจากรัฐบาลจะไม่รับฟังแก้ไขปัญหา แต่กลับจับกุมคุมขังยัดข้อหา สลายการชุมนุมเกินกว่าเหตุ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงกับพี่น้องเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จึงมีคำถามว่าแท้จริงแล้ว การคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลนั้น คงไว้เพื่อสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชนใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลจะต้องมีคำตอบให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมเด็ดขาดโดยจะขอพูดคุยกับรัฐบาลในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาจเป็นการยื่นกระทู้สดหรือยื่นญัตติในการประชุมสภาฯในสัปดาห์นี้ต่อไป” นายสุทิน กล่าว
ขณะที่ นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำกับประชาชนมือเปล่าด้วยการสลายการชุมนุมของชาวบ้าน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา คือการใช้อำนาจรัฐล้นเกินโดยเจ้าหน้าที่รัฐผ่าน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั้งที่ชาวบ้านมีความมุ่งหมายเพียงเพื่อกลับมาทวงคำสัญญาจากรัฐบาลที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงผลการเจรจาการแก้ไขปัญหาระหว่างกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ว่าจะศึกษาผลกระทบการก่อสร้างโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยในหนังสือระบุว่าจะมีการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HTA) ซึ่งต้องมีการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ก่อนตัดสินใจเชิงนโยบาย และต้องมีการตั้งตัวกลางที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายร่วมอยู่ในการประเมินนี้ด้วย แต่รัฐบาลไม่ฟัง ทั้งที่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างชัดเจนโดยรอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างชัดเจน แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหานี้กลับถูกมองข้ามไป ไม่ดูดายประชาชน การกระทำเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา และไม่ใช่ผู้นำของประชาชน
“ปัญหาของการจับ-ปราบ การเรียกร้องของชาวบ้านจะนะ หรือผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ คือการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างฟุ่มเฟือย ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ที่ผ่านมาหลอกประชาชนไปวันๆ ว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ท้ายที่สุดก็เป็นไปเพื่อควบคุมการชุมนุมเท่านั้น พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์คือ ไม่ฟัง ไม่แก้ แต่จับ อยู่กันไปแบบนี้มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ” นางสาวตรีชฎา กล่าว