สธ.ยันไทยเจอโอมิครอนอีก 2 ราย แต่ทั้งคู่รักษาหายดีแล้ว

สธ. ยันไทยเจอ"โอมิครอน" อีก 2 ราย

วันที่ 8 ธันวาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มเติมในไทย ว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากการมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองการกลายพันธุ์โควิดในไทย ตามที่องค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศให้โอมิครอน เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล(Variant of concern) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่เราได้รับข้อมูลจากหลายประเทศรวมถึงยุโรปที่นำสายพันธุ์เดิมไปตรวจสอบพบว่า เจอโอมิครอนมาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.หรือก่อนหน้าแล้ว เราจึงนำเอาเชื้อของผู้ที่เข้าประเทศไทยผ่านระบบกักตัวที่เดินทางเข้ามาก่อน 24 พ.ย. ที่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นบวก เอาเชื้อไปตรวจซ้ำ เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ในทุกราย ซึ่งพบว่ามี 2 ราย ที่ติดเชื้อโอมิครอน

นพ.โอภาส กล่าวว่า ข้อมูลรายละเอียดของการถอดรหัสพันธุกรรมขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กำลังสรุปผล 100% ส่วนข้อมูลผู้ติดเชื้อเบื้องต้น เป็นหญิงไทย 2 ราย อายุ 36 และ 46 ปี คาดว่าเดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ประเทศไนจีเรีย หลังจากนั้นเดินทางกลับมาประเทศไทยด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.64 ผ่านระบบการกักตัว ผลการตรวจ RT-PCR เป็นบวก หลังจากนั้น ก็เข้ารับการรักษาตามปกติ ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 2 รายอาการน้อย แต่ก็ได้รับการดูแลจนไม่มีเชื้อ ไม่สามารถแพร่ต่อให้ใครได้ แพทย์จึงอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้แล้ว แต่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเนื่องจากทั้งสองรายได้รับการรักษาแล้ว

“ข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า ความรุนแรงของโอมิครอนค่อนข้างต่ำ องค์การอนามัยโลกยืนยันว่ายังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนแม้แต่รายเดียว ข้อมูลทุกอย่างต้องผ่านการวิเคราะห์ให้รอบด้าน ไม่สามารถเอาข้อมูลเดียวมาบอกได้ ซึ่งสธ.จะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามว่าผู้ติดเชื้อโอมิครอน 2 รายดังกล่าวได้มีประวัติฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นมีประวัติฉีดแต่ฉีดอะไร ต้องไปทวนอีกครั้ง แต่สิ่งที่ต้องเตือนคือ จากข้อมูล 2 รายดังกล่าวให้ประวัติมาว่าเข้าร่วมกิจกรรมในประเทศไนจีเรีย ไม่ค่อยสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คนไทยเมื่ออยู่ในประเทศ สวมหน้ากากอนามัยดีมาก ๆ แต่หากไปอยู่ต่างประเทศ ก็อย่าเผลอ เพราะหลายประเทศไม่สวมหน้ากาก ดังนั้น เราต้องพยายามสวมให้มากที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศ

เมื่อถามว่าลักษณะเช่นนี้มีอีกกี่ราย นพ.โอภาส กล่าวว่า แม้จะมีกี่รายเราก็ไม่ต้องกังวลเพราะในระบบแบบไม่กักตัว(Test and go) ก็มีระบบตรวจสอบคือ ผู้เดินทางเข้ามาต้องฉีดวัคซีนครบถ้วน ตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางถึงไทยภายใน 72 ชั่วโมง เมื่อเดินทางเข้ามาถึงก็ตรวจซ้ำอีกครั้ง สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้ตรวจ RT-PCR มาก็ต้องเข้าระบบกักตัวในระบบ

เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้มีข้อมูลคนไทยในทวีปแอฟริกาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศมากน้อยอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า รอการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศอยู่ ซึ่งเราพร้อมให้บริการคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ แต่ข้อมูลที่รับรายงานพบว่าส่วนใหญ่ไม่ประสงค์กลับ เพราะรู้สึกว่าโอมิครอนไม่น่ากลัวแล้ว “เชื่อว่าความกังวลโอมิครอนน่าจะลดน้อยลงทั่วโลก” นพ.โอภาส กล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศหนาวเย็น เตือน 10 จว.เจอฝนคะนอง กทม.เย็นสุด 20 องศา
ระทึกไปอีก "แอร์ปูซาน" บินวนก่อนลงจอด เครื่องตรวจจับระบบล้อมีปัญหา
แอร์ปูซานของเกาหลีใต้บินวนหลังอุปกรณ์ตรวจจับล้อมีปัญหา
"น.1" แจงปมร้อน เรียกรับผลประโยชน์ เป็นข้อมูลเก่า ไขน็อตสั่งสอบตำรวจในสังกัด
อุทาหรณ์ "เด็ก ป.4" เล่นเศษประทัด โชคร้ายเกิดระเบิดใส่หน้า หวิดตาบอด
"คารม" เผย ครม.เคาะเพิ่ม "เงินสงเคราะห์บุตร" 1,000 บาท พร้อมเปิดขั้นตอนลงทะเบียน
"ผู้เสียหายดิไอคอน" ยื่นค้านการประกันตัว 18 บอส ก่อนที่จะครบกำหนดฝากขัง
เมืองไทยประกันภัย คว้า Set ESG Rating ระดับ AA ในปี 2567 ตอกย้ำการดำเนินงานด้วยแนวทางแห่งความยั่งยืน
"ญาญ่า อุรัสยา" ลุคสุดปัง พร้อม "เครื่องแต่งกาย-เครื่องประดับ" สำหรับผู้หญิง ในงาน Louis Vuitton SS25 กรุงปารีส
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขานรับนโยบาย รมว.เกษตรฯ เปิดรับสมัครทุนเรียนฟรีแก่ทายาทสหกรณ์ มุ่งสานต่ออาชีพพระราชทาน “เลี้ยงโคนม”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น