นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงกรณีที่ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ร่วมล่าเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก
คดีนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนความผิดของจำเลยตามศาลชั้นต้น พร้อมเพิ่มโทษนายเปรมชัย เป็นจำคุก 2 ปี 14 เดือน /นายยงค์ เพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 17 เดือน /นางนที เพิ่มโทษเป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี / ส่วนนายธานี เพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 21 เดือน พร้อมทั้งให้จำเลยทั้ง 4 คน ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวนเงินรวม 2 ล้านบาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ต่อมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 7 พิจารณาประเด็นเหตุผล รวมทั้งบทลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาแล้วเห็นว่า ครบถ้วนตามที่อัยการฟ้องแล้ว จึงมีความเห็นไม่ยื่นฎีกา / ขณะที่ฝ่ายจำเลย ประกอบด้วย นายเปรมชัย /นายยงค์ และนายธานี ยื่นคำร้องขอฎีกา โดยผู้พิพากษาได้รับรองอนุญาตให้จำเลย ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
นายประยุทธ เปิดเผยว่า ขั้นตอนของ อัยการ หลังจากที่ ศาลฎีกา มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้วนั้น อัยการ จะคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกา เพื่อนำคำพิพากษาในคดีนี้ ไปเป็นบรรทัดฐานของคดีต่อไป
ซึ่งในรายละเอียดของคดีนี้ แม้ว่า ศาลฎีกา จะมีคำพิพากษาว่า ฎีกาของจำเลย ฟังไม่ขึ้นทุกประเด็น แต่คดีนี้จำเลย อาจได้ประโยชน์จากการลดโทษ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2562 ที่ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลย จึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2
นอกจากนี้ นายประยุทธ ยังระบุอีกว่า คดีนี้ต้องชื่นชมในชั้น พนักงานสอบสวน ที่รวบรวมพยานหลักฐานแน่นหนา โดยเฉพาะประจักษ์พยานหลักฐาน ที่พนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานบุคคลครบถ้วน รวมถึง วัตถุพยานที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ นำไปสู่การทำสำนวนคดีที่ครบถ้วนรัดกุม ทำให้พนักงานอัยการ สามารถรวบรวมข้อเท็จจริงส่งฟ้องต่อศาลได้