น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้พบปะพี่น้องเกษตรกรชาวสุพรรณบุรีและติดตามความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่มีการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งหวังจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ลดความเสี่ยงด้านรายได้ของครัวเรือน มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า หลังจากเยี่ยมชมบูทต่างๆของเกษตกรชาวสุพรรณบุรี ท่านนายกฯ ได้ชื่นชมในความสำเร็จของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวชาวสุพรรณบุรีที่ได้พัฒนาและต่อยอดในการทำการเกษตรแนวใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ มีความเข้มแข็งร่วมมือร่วมแรงกันปรับใช้แนววิถีเกษตรรรวมแปลง ที่มีการเลี้ยงสัตว์เช่น แพะ แกะ ไก่ เพื่อเพิ่มรายได้ และประยุกต์ใช้วิธีปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เช่น ฟักทอง แตง ทำให้มีรายได้เสริมและใช้พื้นที่เพื่อเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีรายได้เสริมจากการทำเกษตรวิถีใหม่และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ นอกเหนือจากรายได้หลักของการทำนาแล้ว การทำการเกษตรแบบใหม่ยังมีรายได้เสริมระหว่างรอการเก็บเกี่ยวข้าวจากการปลูกพืชระยะสั้น-ใช้น้ำน้อย สามารถทำรายได้ถึง 40,000 บาทจากการใช้ระยะเวลาเพาะปลูกเพียง 90 วันเท่านั้น ขณะเดียวกันยังนำผลิตผลทางการเกษตรไปแปรรูปทำให้มีการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตและไม่เสียประโยชน์จากผลผลิตดังกล่าวไปอย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลกำลังส่งเสริมอยู่ด้วย
ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบเงินตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและมาตรการคู่ขนานปีการผลิต 2564 – 2565 แก่ผู้แทนเกษตรกร พร้อมกดปุ่มโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่ ตลาดกลางสินค้าเกษตรจ.สุพรรณบุรีนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นายกฯเป็นตัวแทนในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องชาวนา ไม่แบ่งแยก หรือมองว่าเป็นความผิดชอบของใคร อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในฐานะรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าสนับสนุน
‘ขออย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งในรัฐบาล ทั้งการลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และการเป็นประธาน ทั้งหมดไม่มีนัยะทางการเมืองใดๆ ให้ต้องตีความ และหากจำกันได้ นายกฯเคยกล่าวไว้เมื่อกลางปีที่ผ่านมาว่า เป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ อยากให้หลุดพ้นจากความยากจน จึงกำชับรัฐมนตรีให้เร่งทำกิจกรรมและดำเนินการต่างๆให้เป็นรูปธรรม เมื่อสั่งการลงไป ท่านนายกฯ ก็ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของกิจกรรมและโครงการต่างๆ ด้วยการลงพื้นที่ด้วยตัวท่านเองเท่านั้น’น.ส.ทิพานัน กล่าว